อะไรที่เราเรียนรู้ที่จะพอใจกับตัวเอง
อะไรก้อตามที่เราจะไม่หลอกตัวเองในความเป็นตัวของตัวเอง เรารู้อย่างแน่ใจว่าเราต้องการสิ่งใด
ทำสิ่งนี้ หรืออดทนกับสิ่งนี้เพื่ออะไร และไม่คิดจะโกหกตัวเอง ไม่เคยคิด
และจะไม่ทำด้วย
หากเราต้องทำอะไรซักอย่าง ถึงแม้บางทีในสายตาคนอื่นดูเหมือนเรากำลังหลอกตัวเอง
โดนหลอก หรือโง่ที่ทำไป แต่ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงที่เราทำด้วยซ้ำ
และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบาย เหตุผลของคนอื่น ข้อเสนอหรือความคิดของคนอื่น
ไม่มีผลอะไรเลยในการดำเนินชีวิตของเรา อาจดูเหมือนเราเชื่อและตามเค้าเต็มที่ในเวลาฟังเค้าหรือเรียนรู้จากเค้า
แต่ในความเป็นจริง ตัวเราก้อยังเป็นตัวเราอย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เพราะเราเป็นคนแคร์คนอื่น และให้ความสำคัญกับคนรอบข้างในสิ่งที่เค้าคือคนๆนึงที่อยู่ตรงหน้าเรา
ที่ต้องการพื้นที่และเราก้อให้พื้นที่เต็มที่กับเค้า
บางครั้งก้อไม่แปลกใจนะที่ทำไมคนที่อยู่ตรงหน้าเราจะรู้สึกว่าพลังของเค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเวลาที่อยู่กับเราหรือคุยกับเรา
เพราะพลังแห่งการเห็นเค้าเป็นคนสำคัญนี่เอง ที่ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเราไม่เพียงแต่รู้สึกว่าเค้ามีตัวตนบนโลก
แต่ยังรู้สึกว่ามีความมั่นใจในการดำรงอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ เพราะนี่น่าจะเป็นจุดแผ่พลังของเราก้อได้
คือการเอาใจใส่ การให้ใจ การให้ก้อให้หมด แคร์หมดและแคร์ได้ทีละหนึ่งตรงหน้า
บางทีก้อไม่แปลกใจกับสิ่งที่ผ่านมา ว่าทำไมเวลาที่เราไม่สนใจแล้ว
ชีวิตของคนๆนั้นถึงมืดลง อาจเป็นเพราะความสนใจของเราไม่ได้โฟกัสอยู่ที่เค้าแล้วก้อเป็นได้
การที่เราสนใจใครสักคน มันเหมือนเราฉายไฟทั้งหมดที่เรามีไปที่เค้าคนเดียว
ความรักก้อเหมือนแบบนี้แหละ การที่เรารักใครสักคน
ความรักคือไฟส่องทางให้คนๆนั้นได้เห็นความรักที่แท้จริงว่ามันเป็นยังงัย และหัวใจของเรารู้ว่าเรารักใคร
ยังรักใครและสมควรต้องให้ความรักกับใคร ถึง สามสิ่งนี้จะไม่มีอยู่ในคนๆเดียวก้อตาม
แต่เราก้อรู้แน่นอนว่าข้อไหนอยู่ที่ใคร และใครสมควรได้รับหรือเราควรได้รับจากใคร
บางทีการที่เราไม่ได้รับความใส่ใจที่เพียงพอจากคนที่อยู่ตรงหน้า คนที่ใช้ชีวิตด้วย
อาจเป็นเพราะเบื้องหลัง เรากลับได้รับความรักที่เป็นแสงสว่างส่องทางที่เต็มเปี่ยมอยู่แล้วก้อได้
ความคิดแบบนี้อาจไม่เป็นจริงแต่มันก้อทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
ทุกอย่างมีเหตุผลและครรลองของมัน การไม่ได้อยู่ร่วมชีวิตด้วยกันไม่ได้หมายความว่า
สายใยแห่งความรักที่เต็มเปี่ยมจะจางหายไปแม้แต่น้อย เราไม่รู้ว่าที่คนตรงหน้าเรา รักและใส่ใจเราแบบที่เราทำให้เค้าไม่ได้เพราะเค้าไม่สามารถเข้ามาถึงตัวตนของเราจริงๆได้
เพราะล้อมรอบตัวเรา มีความรักของใครบางคนโอบล้อมไว้อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว
เลยไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลไหน แต่ก้อรู้ว่า สิ่งที่ได้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
อินชาอัลลอฮ์
ถ้าใครจะบอกว่าเราหลอกตัวเอง เราก้อยอมรับเรื่องเดียวที่เรายอมหลอกตัวเอง
คือบอกตัวเองว่าเรารู้สึกว่า คนๆนั้น คนๆเดียว รักและห่วงใยเราอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อสองปีก่อน
เราไม่คิดและไม่กล้าที่จะคิดด้วยซ้ำกับการยอมรับความรู้สึกแบบนี้ให้มีในหัวใจเรา เรายอมให้ตัวเองเชื่อว่าเค้ารักเราจากวิญญาณด้วยซ้ำไป
เมื่อไม่นานมานี้เอง สองเดือนนี่เองมั๊ง
วันนี้วันที่ ๒ ธันวา ๕๔ จะว่าความรู้สึกช้าก้อไม่เชิงนะ
ไม่กล้าคิดมากกว่า เพราะเราคิดเสมอว่าเค้าทำแบบนี้เพราะเค้าไม่รักเรา
ไม่เห็นค่าของเราด้วยซ้ำไป แต่อาจลืมคิดและให้พื้นที่คนที่ควรให้มากที่สุดด้วยซ้ำ ว่าเค้าอาจไม่ได้เลือกเอง
และเราก้อเคยเห็นมาแล้ว ว่าเราถูกห้ามยังงัย ถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดยังงัย
และมีเขตแบ่งเส้นเราอย่างชัดเจนถึงความไปกันไม่ได้ของเรายังงัย เค้ากลัวคนที่ดูแลเรายังงัย
ไม่ใช่เราไม่รักกัน แต่เรารักกันไม่ได้ต่างหาก คำนี้ถึงจะถูก
ไม่ใช่ความรักที่เค้าให้เรามันไม่มี มันมีไม่น้อยไปกว่าที่เรามีให้หรืออาจมากกว่าด้วยซ้ำ
แต่เพราะไม่มีพื้นที่สำหรับเราที่จะแสดงให้กัยรับรู้ถึงความรักนี้
มากไปกว่าสายใยแห่งรักที่ไม่มีพลังใดๆจะมาห้ามได้
พวกคนคุมเค้าอาจห้ามเราไม่ให้อยู่ด้วยกันได้
อาจกันตัวและจิตวิญญาณของเราไม่ให้อยู่ร่วมกันได้
แต่พวกเค้าไม่สามารถห้ามสายใยแห่งรักของเราให้โอบล้อมกันและกันได้ อัลฮัมดุลิลลา
และเราก้อเชื่อว่า นี่คือริซกีของอัลลอฮ์ที่พระองค์ทรงเมตตาให้กับเรา
เพราะรักของเราคือรักแท้ เพราะด้วยเหตุนี้เหรอ
เราถึงมีรักแท้กับใครได้ยากหรืออาจไม่ได้เลย
เพราะหัวใจเรารู้จักแล้วว่ารักแท้คืออะไร และใครเป็นคนที่เหมาะสมที่จะได้รับมัน
มันเต็มและมันจบ ส่วนชีวิตที่ใช้ก้อใช้ไป ทำบททดสอบไป เราไม่มีบททดสอบที่ทำร่วมกัน
เรามีแต่รักแท้ที่เป็นพลังให้กันและกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น