วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การเลือกคนที่ใช่



....รู้ให้ได้ก่อนว่า คุณเป็นใครและเข้ากับคนแบบไหนได้ มองจากคนที่เราคบผ่านมา การหว่านเสน่ห์ไม่เลือกหน้า เป็นการสั่งสมการห่างไกลจากรักแท้ เลือกคนที่ทำให้ใจเรานิ่ง อย่าเลือกคนที่ทำให้เราใจกระเจิงเพราะความฟุ้งยิ่งทำให้เราเลือกมาอย่างใร้สติ 

อย่างนี้นี่เองที่ตัวในของเราไม่หว่านเสน่ห์ไปเรื่อย ไม่สิ ปกปิดเราจากการหว่านเสน่ห์ และเปิดโอกาสให้เพียงคนที่ใช่เท่านั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่ดูเหมือนว่า ทำไมมันเลือกคนที่แปลกๆเข้ามานะ

....ความรู้สึกทางใจ คือความผูกพันกันที่ปรารถนาที่จะอยู่ดูแลและรักกันไปเรื่อยๆ การคบคนคือการมีเหตุการณ์ร่วมกันมากพอ หลังจากการปรากฎกายที่ไม่สามารถบอกอะไรได้เลย ต้องมีเหตุการณ์ร่วมกันและตัดสินว่าเรามีใจที่รู้สึกดีกับเหตุการณ์ร่วมกันมั้ย เราจะฉลาดเรื่องความรักจากการมีเหตุการณ์ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งการปรากฎกายคือ การต้องตาต้องใจ..มีแต่จะทำให้คอตกอยู่ในบ่วง 

....เราหว่านกับสามีได้ แต่เค้าไม่ค่อยเท่าไหร่กับเรา เพราะเราอาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเค้า และเค้าก็อาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเราด้วยเช่นกัน เรารักกันเพื่ออัลลอฮ์จริงๆ เพราะเราแทบไม่รู้จักกัน และไม่รู้ว่าจะอยากรู้จักกันจริงๆรึป่าว

....เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คือบททดสอบ และสิ่งที่เราปรารถนาจะรู้ คือเมื่อไหร่มันจะจบบททดสอบ 

....เราไม่ควรหาคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ควรเลือกคนที่เข้ากับเราได้ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีข้อบกพร่อง เพียงแต่พยายามเลือกคนที่ข้อบกพร่องของเขายังเป็นที่ยอมรับได้ของเราที่ไม่เกินลิมิต ที่จะมาลดค่าความเป็นตัวเราลงไป น่าจะดีที่สุด 

...เราเลือก..คนที่พร้อมที่จะเป็นคนรักที่ซื่อสัตย์และภักดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักเดียวใจเดียวและพร้อมที่จะเป็นแฟมมิลี่แมน และเป็นพ่อของลูก เป็นคนอบอุ่น สมาร์ท ฉลาด น่ารัก ยิ้มเก่งและมีเสน่ห์ที่สุดสำหรับเราให้รักเค้าเต็มหัวใจได้ไม่ยากเลย เป็นคนสุขภาพแข็งแรงมีการงานที่มั่นคงและดีงามอย่างมีความสุข เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในการทำอามัลอิบาดะห์ที่ซอและห์ที่จะดำรงริซกีอันเป็นบารอกัตให้เป็นริซกีที่ฮาลาลอันเพียงพอแก่ครอบครัวอย่างผาสุก เรากินดีอยู่ดี มีบ้านที่อบอุ่นที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจเพียงแค่ได้นึกถึงว่าจะได้กลับบ้าน เราเข้ากันได้ดีทุกอย่างและอบที่จะเพิ่มความหวานให้กันเสมอๆด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ อย่างมีอารมณ์ขัน ชอบเล่นสนุกๆด้วยกัน เราเป็นเพื่อนเล่นของกันละกันทั้งพ่อแม่และลูกๆ พวกเราเป็นทุกอย่างของกันและกัน ส่งเสริมกันให้เติบโตอย่างเบิกบาน มีชีวิตที่รื่นรมณ์ ความสุขคือธรรมชาติของครอบครัวเราและเป็นที่ชื่นชมของคนรอบข้างที่ปรารถนาจะเอาเป็นแบบอย่าง เราอยู่ในถิ่นที่อยู่ที่สงบสุขสันติ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่จิตใจดีมีเมตตา และก็เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันเลยที่แสนอบอุ่นก็ว่าได้

....ชีวิตที่ดีต้องมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เบิกบานเสมอๆ และสิ่งที่ดีงามที่สุดคือสามารถหัวเราะกับตัวเองเป็น หาความสุขที่ทำให้เรายิ้มได้อย่างไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอกมากนัก มีหัวใจใสๆเหมือนเด็ก มองโลกในแง่ดี สิ่งดีๆจะถูกดึงดูดเข้ามา เมื่อเรามองความรัก จงมองให้มันสดใส มีรอยยิ้มเมื่อคิดถึง มีความสุขใจเสมอเมื่อมีรักอยู่ในหัวใจ หากเรารู้สึกเศร้าแปลกๆเวลารักหรือคิดถึงใคร ก็ควรจะดูความรู้สึกในหัวใจของเราให้ดีๆ เพราะว่าความรู้สึกที่เรามีปฏิกิริยาต่อเค้านั่นแหละเป็นตัวบอกความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นเวลาที่เราอยู่กับเค้าจริงๆ หากรู้สึกดราม่ามากๆ ก็ควรถามใจตัวเองว่าคิดดีแล้ว และยอมรับสภาพแบบนี้ได้ดีแล้วจริงๆ ใช่มั้ย เรามีชีวิตเดียว ใช้มันอย่างมีค่ากับคนที่เห็นค่า ชอบที่จะเห็นเรามีความสุข แล้วเราจะมีความสุขที่ทำให้เรารู้สึกดีจริงๆ

....การเห็นคุณค่าตัวเองเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะห่างไกลจากการเห็นคุณค่าในตัวเองแล้ว ความสำเร็จในสิ่งต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นให้เห็นในชีวิตค่อนข้างยากถึงแม้จะพยายามมากเท่าไหร่ก็ตามหากตัวเองกลับรู้สึกตัวเองไม่มีค่าพอที่จะกอบกำมันไว้ ตัวเราเองนี่แหละที่จะเป็นคนหันหลังให้ความสำเร็จด้วยตัวของเราเอง อีกอย่างคือการไม่รู้จักความเพียงพอของหัวใจ สองอย่างนี้มีความห่างไกลจากความสุขต่างกันไม่มาก อย่างแรกไม่มีความสุขเพราะไม่เคยไปถึงเพราะหันหลังให้ความสำเร็จ แต่คนที่ไม่พอเพียงกลับได้รับความสำเร็จบ่อยๆ แต่หัวใจที่ไม่พอเพียงกลับขับดันให้พวกเขาเร่งเดินหน้าและไม่รู้รสของความสุขของความสำเร็จนั้นด้วยซ้ำไป สุดท้ายคนสองพวกนี้ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน คือพวกที่ไม่เคยรู้จักความสุขแห่งความสำเร็จที่แท้จริง ถึงแม้จะเป็นความสำเร็จเล็กๆในชีวิตก็ตาม

....เราได้เข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติโดยแท้จริงจากความเข้าใจที่ผ่องแผ้วภายใน เราหลีกหนีความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เราทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันเหมือนเดิมนี้ดีขึ้นเรื่อยๆได้ หากเราไม่สามารถดุอาอ์ให้ชีวิตกลับไปเป็นเหมือนเดิมที่เคยมีความสุขเหมือนตอนนั้น ตอนนี้ได้ แต่เราสามารถดุอาอ์ให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปทุกวันอย่างดียิ่งขึ้นเรื่อยๆได้ไม่ใช่เหรอ ชีวิตมนุษย์เกิดมาเพื่อตาย นี่คือความจริง เรามีแค่ช่วงเวลาคงอยู่ตรงกลางที่จะสร้างอะไรให้แก่จิตวิญญาณชีวิตของตัวเอง 

เรากลับไม่แปลกใจแล้วตอนนี้ ว่าเหตุใดชนยุคเก่าก่อนถึงพรรณนาพระเจ้าว่าเป็นหนึ่งเดียว ให้กำเนิด การเกิดขึ้น การรักษาดำรงอยู่ และการทำลายให้แตกดับสูญขึ้นมาเป็นรูปลักษณ์ ด้วยเดิมแท้พวกเค้าคงแค่ต้องการอธิบายสัจธรรมด้วยรูปธรรมเท่านั้น หากแต่กาลเวลาและหัวใจที่อ่อนแอของมนุษย์กลับแปรเปลี่ยนอรรถาธิบายนี้ไปบนหนทางของความหลงไปเสียสิ้น ศาสตร์ตะวันออกเป็นศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน เข้าถึงแก่นลึกของวิญญาณ ค่อนข้างมุ่งเข้าสู่ภายในมากกว่าภาวะภายนอกเป็นคำสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ 

หากแต่ด้วยความหลงผิดเชื่อตามๆกันมาเป็น หกเจ็ดพันปี ความคลาดเคลื่อนคงจะไม่ใช่แค่บ้าง แต่อาจเหลือความจริงเพียงส่วนน้อยด้วยซ้ำ แต่ความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยสูญหาย คือ พระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว หากแต่มนุษย์ก็ให้ความสำคัญของธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาเทียบเทียมพระองค์ด้วย ซึ่งที่พระองค์ไม่ต้องการให้หัวใจของมนุษย์มีภาคี มิใช่พระองค์ปรารถนาให้มนุษย์เคารพสักการะบูชาพระองค์ เพราะถึงแม้ไม่มีมนุษย์สักคนเดียวบูชาพระองค์ พระองค์ก็ยังคงเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงพลานุภาพมากที่สุดอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลง อัลลาคารีม

หากแต่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระมหาเมตตาเป็นพลานุภาพ พระองค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ตั้งภาคีเนื่องด้วยหากหัวใจมนุษย์แส่ส่ายในการสักการะสิ่งนั้น สิ่งนี้รอบตัว โดยไม่มีศูนย์รวมเพียงหนึ่งเดียว สติและปัญญาของมนุษย์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย สติและปัญญา การรักษาระดับฌานจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ จิตและใจรวมอยู่ที่ศูนย์กลางเพียงหนึ่งเดียว คำว่าไม่มีภาคีร่วม จึงเป็นหนทางที่พระองค์ทรงแนะแนวทางแห่งแสงสว่างโดยแท้ให้แก่มนุษย์ เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าจิตใจของมนุษย์วกวนแส่ส่ายง่ายมากเพียงใด การสักการะสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากพระองค์คือการทำให้ตัวเองหลงทางเข้าสู่นรกได้อย่างง่ายดาย เพราะความหลงทางนี้เองจะเป็นบ่อเกิดแห่งการทำผิดและผิดต่อไปเรื่อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การถอดความ การแปลความจากเมื่อพันสี่ร้อยปีที่แล้ว จนมาถึงวันนี้ ของคัมภีร์กุรอาน ผู้แปลและผู้ถอดความเป็นภาษาอื่นๆ ก็เกิดความคลาดเคลื่อนได้อย่างง่ายดาย ขนาดผู้ที่อ่านออกเขียนได้ในภาษาอาหรับ ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของอัลกุรอานได้อย่างแยบยลเลย จะนับประสาอะไรกับผู้ที่ศึกษาอัลกุรอานจากการถอดความโดยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ด้วยทั้งหมดทั้งมวล มนุษย์แต่ละคนมีรากฐานแห่งการได้รับฮิดายะห์ไม่เหมือนกัน
สิ่งที่สำคัญที่เราได้มองเห็นคือ ทุกคนได้รับฮิดายะห์ที่เหมาะกับตัวเองเสมอ เพียงแต่จะมีหัวใจและสติปัญญาคิดพิจารณาหรือไม่เท่านั้น หากเมื่อดุอาอ์แล้ว ก็จงดุอาอ์ขอสติและปัญญาอันผ่องแผ้วที่จะสามารถเดินตามฮิดายะห์ของพระองค์ได้อย่างง่ายดายและแยบคายด้วยเถิด เพราะนอกจากสติและปัญญาที่พระองค์ทรงให้แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเข้าใจฮิดายะห์ของพระองค์ได้เลย 

หากพระองค์ทรงทำให้เราโง่เขลา ก็ไม่มีผู้ใดทำให้เราฉลาดขึ้นได้ 

ด้วยเช่นนี้ มนุษย์จึงควรดำรงตนอยู่ในครรลองที่ดีงาม หากไกลจากความชั่วที่ทำให้หัวใจเตลิดและหม่นหมอง ทำหัวใจให้บริสุทธิ์เพื่อพระองค์ จงเชื่อเถิดว่าคำสอนใดที่เป็นสิ่งดีงามบนโลกใบนี้ที่มนุษย์สามารถคิดค้นขึ้นมาได้นั้น มาจากพระองค์ทั้งสิ้น และผู้ที่พยายามเปลี่ยนแปลงหันเหความดีงามนี้ออกไปจากหัวใจมนุษย์ให้เข้าสู่ความหลง ก็คือมารร้ายผู้ถูกสาปแช่ง ที่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟริษยา แววตาแห่งความอิจฉา ปรารถนาจะอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเสมอ และต้องการให้ผู้อื่นพินาศก่อนตน หากใครก็ตามมีเชื้อไฟแห่งความหลงนี้เพียงน้อยนิด ก็จงรู้ไว้เถิดว่า หัวใจของสูเจ้าทั้งหลายกำลังถูกทำให้ดับมมดจากแสงสว่างแห่งฮิดายะห์ที่จะนำพาจิตวิญญาณมนุษบ์เข้าสู่ความสุขสันติที่ถูกสร้างมาเพื่อมนุษย์โดยแท้จริงไปแล้ว 

อินชาอัลลอฮ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น