วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความรัก..การเปลี่ยนแปลงของชีวิต



....เราดูหนังแล้วมองเห็นขึ้นมาอีกอย่างว่า ในทุกช่วงชีวิต การเปลี่ยนแปลงจะนำบางสิ่งบางอย่างเข้ามาในชีวิตให้เราได้เรียนรู้และสนุกไปกับมันเสมอถ้าเรามองให้มันสนุกนะ ชีวิตไม่เคยซ้ำซากจำเจ เพียงแต่เราจะเลือกที่จะรับสิ่งที่เข้ามาหรือเลือกที่จะทิ้งมันไป ชีวิตนำประสบการณ์เข้ามาให้เสมอ และมันก็อยู่ที่เราเองว่าจะลงเล่นทุกอันมั้ย แต่ดูเหมือนเราจะลงเล่นมันทุกอันเลยนะ ดูสนุกทั้งน้านนน..

....ความรักมันมีด้านที่สวยงามของมันอยู่นะ เราเชื่อว่าไม่ว่าความสัมพันธ์ของใครก็ตามถึงแม้จะอยู่กลางพายุ ความรักมันก็ยังสามารถฉายความสวยงามของมันออกมาได้เสมอ เพราะหากเป็นความรักที่แท้จริงของตัวมันเองแล้วละก็ ความรักคือความสวยงาม และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตสวยงาม จิตวิญญาณของเรารู้ดี ด้วยเช่นนี้ จิตวิญญาณของมนุษย์ถึงโหยหาความรักกันทุกดวงจิต ความรักไม่เคยมีเหตุผล ลองถามความสวยงามดูสิ ว่ามันมีเหตุผลอะไรมันถึงสวย ตอบไม่ได้ใช่มั้ย สวยก็คือสวย ไม่มีเหตุผล ถึงจะหา ก็ตอบได้ไม่หมดหรอก เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของจักรวาลที่อัลลอฮ์ทรงสร้างขึ้น จากจิตวิญญาณของพระองค์ พระองค์ คือแหล่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และจิตวิญญาณของพวกเราก็มาจากความรักของพระองค์ 

....บางทีเราเองก็อยากจะรู้ตัวเองเหมือนกันว่า เราหนีมาเพื่อจะเริ่มต้นใหม่แบบเดิมอีกรึป่าว หรือสิ่งที่เราสู้อุตส่าห์อดทนและยอมรับ เรียนรู้ไปกับมันทุกอย่าง มันจะทำให้การเดินทางของเราค่อยๆเป็นเส้นตรงซะที ที่ไม่ใช่ วงกลมที่กลับมาที่เดิม แค่เปลี่ยนเวลาและผู้คน ชีวิตสมควรเดินหน้าและมีประสบการณ์ใหม่ๆ สิ่งที่เราต้องทำคือ ลองเรียนรู้สิ่งใหม่และเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่อยากทำก็ต้องทำ อยากทำก็ต้องทำ ชีวิตจะบอกทางเราเองว่าอะไรควรทำเมื่อไหร่ แค่ต้องนิ่งพอที่จะฟังเสียงหัวใจตัวเองว่ามันกำลังบอกทางว่ายังงัย

อินชาอัลลอฮ์

จินตนาการ..สร้างสสรค์และทำลาย

....ชัยตอนหลอนมนุษย์ด้วยเรื่องราวที่มันเล่าขานในความคิดของเรา จินตนาการของมนุษย์คืออะไร และจินตนาการมีรอยโหว่อะไรที่ชัยตอนใช้มันทำร้ายมนุษย์ได้บ้าง หรือพระเจ้าให้จินตนาการของมนุษย์มาเพื่อทำลายมนุษย์ และเพื่อพัฒนาให้โลกเคลื่อนไปสู่จุดจบ โลกมีจุดเริ่มต้น และมันคงอยู่และมันก็มีจุดจบ เริ่มต้นจากมนุษย์คนเดียว ญินตนเดียว มะลักท่านเดียว สัตว์ตัวเดียว และแพร่กระจายเป็นเผ่าพันธุ์จนถึงวันสิ้นโลก ซึ่งซับซ้อนน่าดู เราได้เห็นจินตนาการของเราที่ทำร้ายเรามาแล้ว และจินตนาการที่ส่งเสริม ทุกอย่างมันมีสองด้านและมันต่างกันโดยสิ้นเชิง เพียงแต่เรามีเวลาและสติพอที่จะใช้ปัญญาแยกแยะมันรึป่าว ส่วนใหญ่ก็จะถูกทำให้หลงลืมเรื่องสำคัญๆที่ควรทำ บางทีก็รู้และวางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไร แต่ก็เลื่อนและผลัดวันทำมัน นี่คือกลลวงที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับอนุมัติซะด้วยให้ทำแบบนี้ เราอยู่บ้านเขาถึงต้องขอความคุ้มครองจากเจ้าของของเจ้าของบ้านอีกที

....ความสัมพันธ์ที่พังลงด้วยอัยน์ของมนุษย์และญิน เราเคยมีความสัมพันธ์ที่อาจเรียกได้ว่ารักแท้ รักที่จริงใจ รักที่ยั่งยืน หากไม่นับความบาดหมางความพยาบาทที่เกิดขึ้น สามารถถือได้เลยว่า นี่คือรักที่งดงามจริงๆ ที่คนสองคนมีให้กัน ที่ผ่านมาเราไม่เคยรู้ว่าอัยน์มีอยู่จริง ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ แถมซ้ำร้ายยังชื่นชอบที่จะทำให้คนรอบข้างอิฉาเราด้วย เพราะเราไม่เคยรู้พิษสงของอัยน์จนเราได้ตาสว่างเมื่อได้มาอยู่ในศาสนาแห่งความจริง ศาสนาที่มีพระเจ้าองค์เดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถคุ้มครองเราและนำทางแสงสว่างให้แก่เราได้มองเห็นความจริงที่มันเป็นจริงๆอย่างชัดแจ้ง และหวังดีกับเราโดยแท้จริง 

ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเรา ไม่ใช่เพียงแต่อัยน์ของมนุษย์เท่านั้นที่รบกวนเรา แต่เรายังเชื้อเชิญญินมาร่วมวงด้วย เชิญมาเองเลย เลยไม่แปลกใจว่าทำไมไม่เคยอยู่กันดีๆ และก็ไม่แปลกใจที่ทำไมถึงเลิกกัน แต่ก็ยังแปลกใจที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ยาวนาน จนเรายอมที่จะหลีกหนี อินชาอัลลอฮ์ 

จนมาถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้ ที่ถึงแม้จะกลับมาสู่วงจรเดิม หากแต่ชีวิตมีฮิดายะห์ ความกังวลก็หดหายไปแทบไม่เหลือ อัลฮัมดุลิลลา พระมหาเมตตาทรงช่วยเหลือเราอย่างมากล้น ว่าเราจะสามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้ด้วยพระเมตตาของพระองค์ อัลฮัมดุลิลลา อินชาอัลลอฮ์ และอย่างสะดวกและง่ายดาย ขอเพียงเป็นคนดี รักษาความดี พระองค์จะทรงคุ้มครอง อัลลาคารีม

....เรากลับไม่รู้ว่า ที่ศาสนาพุทธสอนให้ละและปล่อยวาง เพื่อให้เข้าเป็นมะลัก หรือเพื่อกลับคืนสู่อัลลอฮ์ หรือเพื่อสิ่งใด เพราะศาสนาพุทธไม่เชื่อในพระเจ้า เชื่อในกฏแห่งกรรม หรือหนึ่งในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงให้เป็นบททดสอบขัดเกลาสำหรับมนุษย์เท่านั้น มันเลยทำให้เรายังสับสนอยู่ นักบวชก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายทาง ทำตามทางที่ถูกจริตของตน แต่มันก็อยู่เหนือสิ่งที่เราจะไปวุ่นวาย เราเลือกทางนี้แล้ว ไม่ว่าทางอื่นจะผิดจะถูก เราได้เลือกทางของเราแล้ว 

ศาสนาของท่านคือหนทางของท่าน ศาสนาของเราคือหนทางของเรา 

“อัล กาฟิรูน”

อามัล..ริซกี



....การมองในอีกหนทาง เราทุกคนทีความรักของอัลลอฮ์เป็นอุดมคตินำทางในวิญญาณอยู่ทุกคน เราจะมีบล๊อคของคนรักในอุดมคติชัดเจนมากที่รับรู้ได้เพียงในจิตวิญญาณของแต่ละคน ซึ่งเมื่อเราดีกับตัวเองได้เท่านั้น เราถึงจะสามารถที่จะรู้ได้ว่าคนที่เหมาะสมกับเราที่แท้จริงที่อัลลอฮ์เลือกให้เป็นเช่นไร เราเองยังมองดูว่า ชายคนที่เราเห็นเสมอมองยังงัยก็ยังเป็นคนเดิมเสมอวันยังค่ำ 

ถึงตอนนี้มันทำให้เราได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้วคนๆนี้อาจคือริซกีความรักของอัลลอฮ์ที่เป็นนามธรรมเป็นรูปธรรมในจิตวิญญาณ เป็นวิญญาณนำทางให้เราได้มองเห็นว่าเรามีความรักของอัลลอฮ์คอยนำทางให้เราได้เจอกับคนที่ใช่ จิตวิญญาณเราจะรู้เองว่าคนแบบไหนใช่.. และใครที่ไม่ใช่.. รูปในจิตที่อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้เป็นแม่พิมพ์แก่เรา แต่อาจเป็นดาบสองคมหากคนไม่ใช้ปัญญาติดในรูปนั้น ก็จะทำให้หลงรูปทั้งๆที่นั่นเป็นเพียงคล้ายอามัลที่เป็นแบบอย่างให้เราได้เห็นว่าสายใยความรักที่อัลลอฮ์ให้แก่เราเป็นรูปแบบใด 

ซึ่งในบางทีก็เป็นหนึ่งในการทดสอบเช่นกัน ว่าจะรักอัลลอฮ์หรือจะหลงรักเพียงอามัลริซกีของอัลลอฮ์ บททดสอบช่างมากมายจริงๆ มนุษย์หนอ สำหรับตัวเราเอง เราได้มีโอกาสได้สัมผัสกับอามัลริซกีแห่งอัลลอฮ์และเคยหลงรูปหลงรักมาแล้วทั้งสองอย่าง จนตอนนี้เราได้รู้สึกด้วยฮิดายะห์ของพระองค์ว่าแท้ที่จริงนั่นคือความรักของพระองค์ที่เป็นพิมพ์เขียวให้แก่เรา ถึงคนที่เหมาะสมกับเราโดยแท้จริง เรามองดูอีกอย่างหนึ่งว่า หากเรามั่นคงและลิ้งค์กับอามัลริซกีนี้ได้โดยแท้จริง อามัลริซกีนี้จะเปลี่ยนคนที่จะเดินเข้ามาหาเราหรือแม้แต่เปลี่ยนคนที่เรามีอยู่เป็นไปแบบที่อามัลนั้นเป็น อินชาอัลลอฮ์ 

เพราะด้วยเนื่องจากหากเรามีความชัดเจนในการมองเห็นอามัลริซกีความรักของอัลลอฮ์อันเป็นฮิดายะห์นี้มากขึ้นเท่าใด เราจะมีกระแสที่ดึงดูดคนที่เป็นแบบเดียวกันกับอามัลนี้เข้ามา และหากเราลิ้งค์ได้โดยแท้จริง ตัวเราเองก็จะถูกปรับเปลี่ยนให้ตรงกับอามัลริซกีนี้ด้วย อินชาอัลลอฮ์ และวันหนึ่งอัลลอฮ์จะทรงทำให้เราสองคนได้เจอกันตรงจุดสมดุล ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรามีอยู่แล้วหรือคนที่กำลังเดินเข้ามา แต่ส่วนใหญ่คนเราจะตกหลุมพรางความหลง ตามนัฟซูของตัวเอง เลยมีกระแสตามนัฟซูและดึงเอาคนที่นัฟซูชอบเข้ามา แทนที่จะเป็นคนที่เป็นอามัลริซกี ซึ่งเป็นคนที่แท้จริง หรือที่เรียกว่า คู่แท้นั่นเอง อินชาอัลลอฮ์

....งั้นลองมามอง อามัลริซกีของเราดูซิ ว่าเป็นคนยังงัย และลองมองว่าคนตามนัฟซูเป็นคนยังงัย และคนที่เรากำลังมีอยู่เป็นคนยังงัย จะได้รู้ว่าที่ได้มาเนี่ย ตามนัฟซูหรือพัฒนาแล้วเป็นอามัลริซกีกันแน่ 

อันดับแรกเลย...อบอุ่น รู้สึกเต็มเปี่ยมว่าเป็นที่รัก..คนเดียว รู้สึกเลยว่าความสนใจ ใส่ใจที่อามัลริซกีนี้มีให้ เต็มเปี่ยมเพียงแค่เราเพียงคนเดียว และเราเพียงคนเดียวก็เกินพอสำหรับการดูแลตลอดเวลาสำหรับเค้าแล้ว เพราะสายตาและความใส่ใจให้เราเพียงแค่ตลอดเวลาที่ไม่เคยวางตาเท่านั้นเอง กระดิกนิดก็รู้ นี่หมายถึงจิตนะ ไม่ใช่การกระทำ คงไม่ต้องพูดถึงการกระทำและคำพูดกันให้เมื่อย และรู้มั้ยว่า ถึงจะถูกดูแลตลอดเวลาในสายตาแบบนี้ กลับรู้สึกสบายใจและเป็นอิสระเหลือเกิน เพราะตามใจเราหมด..อิอิ อัลฮัมดุลิลลา 

เพราะอัลลอฮ์ทรงให้ธรรมชาติของนัฟซูเรา อยู่ในครรลองของพระองค์อยู่แล้ว ว่านอนสอนง่าย สอนอะไรก็เข้าใจง่ายและทำตามโดยสะดวก อินชาอัลลอฮ์ อัลฮัมดุลิลลา

อันดับสอง..เป็นผู้มีความรู้ เป็นสัตตบุรุษ ให้ทางนำที่รู้สึกได้จากวิญญาณเลยว่า เค้าให้แต่สิ่งที่ดีและถูกต้อง เป็นที่น่าไว้ใจให้เป็นผู้นำจิตวิญญาณได้

รู้สึกเป็นที่รัก และเรารู้สึกเลยนะว่าคนๆนี้ไม่จำเป็นต้องย้ำคำว่า..คนเดียว เพราะนั่นมันเป็นไปโดยธรรมชาติที่เค้ามีให้เพียงเราอยู่แล้ว เราเป็นของกันและกันโดยแท้จริง

หากแต่สิ่งหนึ่ง คือเค้าวางตัวไม่ค่อยให้เราเข้าใกล้มาก อาจเป็นเพราะเค้ารู้ว่าหากเรายึดติดเค้า ซึ่งยึดไม่ได้ เพราะผู้ที่ควรยึดจริงๆ คืออัลลอฮ์ แต่เค้าเป็นเพียงผู้สื่อสารว่าผู้ที่เราควรเชนกระแส เพื่อให้ได้รับผู้ที่เป็นผู้แท้จริงในดุนยาอันเป็นริซกีที่แท้จริง อามัลริซกีคือพิมพ์เขียว ริซกีที่แท้จริงคือผู้ที่พิมพ์เขียวทรานซ์เฟอร์เป็นรูปธรรมจับต้องได้ในดุนยา อินชาอัลลอฮ์ และเราควรที่จะลิ้งค์กับพิมพ์เขียวให้เห็นเต็มที่ว่าเป็นอย่างไรให้ชัด ถ้าอัลลอฮ์ให้ เราก็จะได้คนแบบที่เราเห็นตัวตนชัดเจนที่พิมพ์เขียวเป็น แต่ต้องชัดเจนในตัวเองจริงๆนะ ถึงจะโอเค อินชาอัลลอฮ์ 

อีกอย่างอามัลริซกีนี้ ขนาดเวลาเคืองเรากระแสรักยังท่วมท้น แต่เพิ่มแค่เคืองอารมณ์เพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง ไม่มีรักน้อยลงแม้สักนิด น่ารักจัง ชอบแบบนี้อ่ะ เอาแบบนี้เลยที่เดียว..จัดเต็ม

ตัวใหญ่หนาๆ หนันๆ กล้ามเต็มแน่นปึ๊ก กอดอุ่นมากๆเลย แต่ไม่เห็นเคยกอด เห็นแต่นั่งอยู่บนหัว นั่งเฝ้า น่ารักดีนะ พอเอามือไปแตะก็สะดุ้ง จะสะดุ้งทำไม ก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไม่เข้าใจ พอแตะก็มาทำหน้าบึ้ง มาจิกหลังอีก..เอ่อ ใช่คนเดียวกันกับที่รักเรานั่นป่าวฟะ ท่าทางคนละคน

ทำไมเวลาผู้ชายเข็มแข็งเห็นคนที่ตัวเองรัก ต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะ ท่าทางอาจเพราะกระแสของเราทำให้เค้ารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง และคัดค้านในตัวเองรึป่าว หรือมันมีเหตุผลอื่นที่เห็นเมื่อไหร่ก็เมินใส่ หรือไม่ก็แกล้งให้เจ็บเวลาไปใกล้มาก หรือทำร้ายเลยถ้าเข้าใกล้รุกล้ำพื้นที่มากๆเข้า อะไรของเค้านะ

พอจะไปอยู่ห่างๆ ก็ห่วงหา ก็เศร้า เอ่อ..เป็นไรมากป่าวเนี่ย เฟสก็เป็น สามีก็เป็น หรือเราเป็นคนทำให้เค้าเป็น น่าคิดๆ เพราะเราคิดเมื่อไหร่ เราก็ทำแบบเดียวกันนี้ หรือถูกทำแบบเดียวกันนี้ หรือเพราะเราเป็นคนสร้างพิมพ์เขียวนี้เองจากภายใน เราหมายถึงอัลลอฮ์ทรงสร้างเราแบนี้ และมันก็ดึงดูดให้ผู้ชายที่เรารักจะทำแบบนี้กับเราเพราะเราถูกวางไว้ให้ต้องการแบบนั้น

อินชาอัลลอฮ์

เตาบัต..การกลับตัว


....อัลฮัมดุลิลลา 

เราได้ค้นพบสิ่งอันนำพาความเบิกบานใจที่นำพาชีวิตให้เป็นสุขทั้งกายและใจได้หนึ่งอย่าง และเป็นหนึ่งอย่างที่ทรงพลานุภาพมากที่จะขับเคลื่อนการดำรงของชีวิตให้มีความสุขสันติ และหัวใจได้รับความสุขสงบที่แท้จริง นั่คือการเตาบัตตัวต่ออัลลอฮ์ เพียงกลับคืนหาพระองค์ ขออภัยในสิ่งที่ทำผิดและทำไปโดยไม่รู้ เพราะมนุษย์ทำผิดทุกวัน และทำผิดแทบทุกนาทีจากความไม่รู้ เผลอเรอ ประมาท และหลงผิด สิ่งเหล่านี้ที่เราทำไปเรื่อยเปื่อย คิดว่าไม่ผิด และไม่เตาบัตตัว จนเปิดประตูให้กับสิ่งมืดมัว เข้ามาสู่ชีวิตและทำให้หัวใจที่เคยใสสว่าง กลับมืดมัวทีละน้อยๆ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวหัวใจก็อาจมือบอดไปแล้ว จนกลายเป็นรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่คิดจะเตาบัตตัว เกิดความขี้เกียจ คร้านในการทำอิบาดะห์ ทำแค่ให้พอผ่านๆไป เพียงเท่านี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงหัวใจที่ควรต้องได้รับการเยียวยาได้แล้ว 
เราไม่สามารถรู้ทันสิ่งแปลกปลอมได้ในทุกขณะจิตหรอก แต่เราล้างมันได้ในสามชั่วโมง และนั่นคือพระมหาเมตตาของอัลลอฮ์ที่พระองค์ทรงรู้ดีว่า มนุษย์สามารถทำผิดได้โดยง่ายและหัวใจอ่อนแอ ถูกทำให้มืดบอดโดยง่ายนั่นเอง 
พระองค์จึงสั่งใช้ให้เราทำละหมาด เพราะเพียงการทำวูดูอ์ ก็สามารถเป็นขั้นตอนแรกที่บาปถูกชำระล้างไปได้แล้ว และเมื่อเข้าสู่การละหมาด และขออภัยโทษ บาปนั้นก็จะค่อยร่อนหลุดไป และเมื่อเราทำละหมาดซุนนะ บาปทั้งหมดของเราก็จะหลุดออกไปเนื่องด้วย ท่านรอซูลได้สอนไว้ว่า บาปต่างๆของเวลาที่ผ่านมาจะถูกลบล้างจากการทำละหมาดในครั้งต่อไป นั่นคือ บาปของระหว่างเวลาฟาร์จ ก็จะถูกลบล้างไปใน โดฮาร์ หากเราทำละหมาดดุฮา มันก็จะถูกลบล้างไประหว่างนั้น อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้แก่เรา โดยหากเราทำผิด อัลลอฮ์จะทรงยังไม่ให้มะลักบันทึกบาปลงไป หากภายใน ๓ ชั่วโมงเราไม่ขออภัยโทษ บาปนั้นถึงจะถูกบันทึก หากเราเตาบัตตัวต่ออัลลอฮ์ภายใน ๓ ชั่วโมง บาปที่เราทำไปก็จะถูกลบล้างไป อัลลาคารีม พระมหาเมตตาช่างยิ่งใหญ่นัก 

นมาซซุนนะ..มีให้ทำเยอะแยะมากมาย ได้ทุกเวลา ได้ทุกนาที ขอให้ทำเถอะ แต่ที่เป็นปัญหาคือ ตัวเราเองต่างหากที่ไม่ยอมทำ และขี้เกียจที่จะทำ เราเองที่อธรรมต่อตัวเองโดยแท้จริง ช่างน่าอดสูใจนัก มนุษย์หนอ ต่างพยายามขวนขวายให้ชีวิตมีทางออกที่ดีขึ้น แต่มีส่วนมากเหลือเกินที่ขวนขวายในทางที่ผิด แถมยังไม่พอส่วนใหญ่อาจเป็นการขวนขวายหาทางลงสู่ที่ต่ำเองไปซะงั้น

อัยน์..ศรพิษแห่งความริษยา

....ว่าด้วยเรื่อง..อัยน์ หรือฮาซาด สายตาแห่งความริษยา เท่าที่ได้ศึกษาและได้ประสบกับตัวเองมา การโดนอัยน์ไม่ใช่มีเพียงแต่ในอิสลาม สายตาแห่งความริษยามีทั่วโลก และมิใช่เพียงโลกมนุษย์ ยังลามไปถึงโลกของญิน ขนาดเรามองไม่เห็นมัน มันยังตามมารังควานอิจฉามนุษย์อีกหนอ แค่มนุษย์ด้วยกันเองอิจฉากันเองก็ปั่นป่วนจะแย่แล้ว นี่พ่วงเอาญินยกกำลังสองมาด้วย ชีวิตจะอยู่รอดปลอดภัยยังไงไหว ถ้าไม่มีพลานุภาพของอัลลอฮ์ทรงคุ้มครอง..

อัลลาคารีม

ความร้ายของอัยน์ เบาสุด..คนที่ถูกอัยน์ก็อาจจแค่รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก หายใจไม่ทั่วท้อง ครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่สบายตัว หนักขึ้นมาหน่อยก็ทะเลาะกันจนแทบจะเลิกกัน ถ้าอย่างหนักเลยก็อาจถึงขั้นหย่ากันไปเลย และอีกทางอัยน์มีผลให้คนโดนอัยน์อาจไม่สบาย ระดับความหนักของอาการก็ขึ้นอยู่กับระดับของอัยน์ อัยน์บางอันอาจทำให้คนเป็นลม และอาจถึงตายได้เลยด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับจิตที่มุ่งร้ายมีมากมายเพียงใด บางคนอาจได้รับอุบัติเหตุ หรือวิญญาณร้าวจนเป็นคนอ่อนแอไปตลอดชีวิต หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นพิการเลยก็ได้ ช่างร้ายแรงแท้ อานุภาพของฮาซาบนี้

และอัยน์นี่เองคือเครื่องมือที่ไชตอนใช้มนุษย์และญินในการทำร้ายมนุษย์อีกคนหนึ่ง อัยน์ของคนหนึ่งอาจมาจากความเครียดของเขา และมากระทบเราได้ด้วย ในอาการเช่นนี้ คนที่ถูกรังสีของอัยน์เครียด จะรู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน และเนื้อตัวจะมีกลิ่นแรงฉุนขึ้นมามากขึ้น อยากอาเจียร เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ ควรออกห่างคนที่เครียดคนนั้น หรือถ้าออกห่างไม่ได้ ก็ควรหาทางให้เค้าได้ผ่อนคลายลงและเราก็ควรไปอาบน้ำวูดูอ์เพื่อล้างพลังงานสกปรกนี้และขอดุอาอ์หลังวูดูอ์ให้ปลอดภัยจากความชั่วร้ายทั้งปวง

ว่ามาถึงขั้นตอนของอัยน์ พื้นฐานของอัยน์ โดยแท้จริงมาจากการที่หัวใจไม่มีความพอเพียงในสิ่งที่ตนมีอยู่และสิ่งที่ตนได้รับจากอัลลอฮ์ แต่อยากมีเหมือนอย่างที่คนอื่นมีบ้าง แต่ถ้าไม่อาจมีได้เหมือนเขา จิตก็อยากจะทำลายลงไปให้เขาไม่มีเหมือนตน หรืออาจร้ายแรงกว่าถึงขั้นทำลายคนๆนั้นไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยก็ได้ อัยน์จะแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความมืดของจิตและความแข็งแรงของจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือถ้ามีทั้งสองอย่างครบก็เป็นอัยน์ที่ร้ายแรงมากทีเดียว 

ว่ามาถึง ฮาซาด..ฮาซาดหมายถึงการที่คนๆหนึ่งเห็นคนๆหนึ่งมีอะไรดีมากกว่า เช่นเห็นคนนี้รวยกว่า ที่จิตอยากให้เขาจนและเอาความรวยของเขามาใส่ตัวเอง อันนี้ก็น่ากลัวนะ น่ากลัวกันไปคนละแบบ ฮาซาดคือการทำลายสิ่งที่คนอื่นมีอยู่แล้วดึงมันมาเป็นของตน ส่วนอัยน์สามารถพุ่งออกไปได้โดยบางทีเจ้าตัวไม่ทันระวังตัวด้วยซ้ำ แต่ฮาซาดเป็นการตั้งใจ มีเจตจำนงค์ในผลที่ต้องการ แต่อัยน์อาจไม่ต้องการเข้ามาหาตัวเอง และไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี เห็นแล้วมันร้อน มันอิจฉาทำให้หัวใจมันร้อนผ่าว เป็นฐานแรงๆที่พุ่งออกไปหาคนอื่น ถึงเรียกอัยน์ว่า ศรพิษแห่งความริษยา

....เราได้เห็นหนึ่งอย่างในตัวเราและสามี เหมือนกันเด๊ะ และไม่แปลกใจว่าทำไมเราสองคนถึงโดนอัยน์กันเป็นว่าเล่น เพราะเป็นคนชอบอวด ถึงแม้จะพยายามถ่อมตัว เก็บตัว อายไม่กล้า แต่กระแสที่แผ่ออกมา คืออวดว่าเรามี เราแตกต่าง ชอบทำตัวให้แตกต่าง และก็มาเจอกัน ก็เข้ากันได้ดีทีเดียวในการดึงอัยน์เข้ามาหาเรา และทะเลาะกันวุ่นวายไปหมด เรากับความสัมพันธ์เก่าก็เหมือนกัน เพราะเราเป็นคนชอบแสดงออก ชอบอวดคนอื่นว่าเรามีมากกว่านะดูสิ เรามีๆ เลยกลายเป็นพฤติกรรมริยะอ์เต็มตัวเลย แล้วมันเป็นสันดานแบบนี้ อามัลอะไรก็ร่วงหมดสิ ลาคัตตัลลัลลา

ต้องปรับปรุง ต้องปรับปรุงมากๆ มีคำเตือนแล้ว ให้ระวังการหลงในคำเยินยอ เพราะตัวเองเป็นบ้ายอ เจอคนยอเลยไปใหญ่เลย ไฟลามทุ่งเลยทีนี้ อัลลอฮ์ส่งคุณพี่มาเป็นของขวัญทดสอบจริงๆ ให้ได้เห็นโดยแท้จริง เราเป็นคนชอบอวด และกติกามีอยู่ว่า รู้อะไรที่ได้มา ถ้าพูดออกไป จะสลายกลายเป็นของคนอื่น เหมือนเป็นการถ่ายโอนพลังงาน คนขอเปิดและคนปล่อย แล้วมันจะไปหาใครล่ะ ชอบสอนชอบพูดบอก แล้วจะเหลืออะไร ก็ว่านักบวชโบราณเค้าถึงเงียบกันจริง ไม่เจื้อยแจ้ว เข้าใจละๆ แต่จะทำได้มั้ย เห็นทีไรก็นิสัยเนาะ เด็กชอบอวด ถึงจะอวดแบบซื่อๆใสๆ แต่มันก็เป็นการอวด บ่มเพาะการอวด ถึงจะดูน่ารักแต่มันเป็นนิสัยไม่ดี สั่งสมมากๆ มันจะเข้มข้นขึ้นโดยปริยาย

อินชาอัลลอฮ์

เจาะ..จิตใต้สำนึก



....ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมเลิกคิดถึงเฟสไม่ได้ซะที ดุอาอ์ก็แล้ว สูญูดก็แล้ว ทำอุมเราะห์ก็ว่าขอนะ เมื่อก่อนคุณท่านจะมาเข้าฝันช่วงเป็นประจำเดือนเนาะ ช่วงหลังนี่ มาไม่เลือกเวลาเลย แบบว่า ฉันเปิดประตูเองได้ ไม่ต้องเลือกเวลา..ว่างั้น 

รู้มั้ย ขนาดวันนั้นเราลองลงใจให้สงบแล้วเห็นอะไรให้จิตหลายอย่าง ไม่รู้ว่าเชื่อได้มั้ย เป็นจิตตัวเองหลอนตัวเองรึป่าวไม่รู้ แต่มันสามมิติมากมาย เราว่าคนที่เค้าสะกดจิตเค้าต้องใช้วิธีนี้ในการรักษาโรคที่รักษาไม่หายแน่เลย เพราะเรารู้สึกว่า อินชาอัลลอฮ์ หลังจากที่ลงไปในจิตแล้ว เห็นอะไรๆ ได้แก้ไข หัวใจมันโล่งขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ถึงมันจะไม่หายขาดแต่ก็ไม่กดดันมากเหมือนเมื่อก่อนนะ เหมือนมันค่อยๆละลาย ค่อยๆเยียวยา 

อินชาอัลลอฮ์รู้สึกว่า เห็นคุณค่าของตัวเองเพิ่มมากขึ้น เหมือนสิ่งที่มันขวางกั้น มันหายไป ใจมันเลยโล่งขึ้น ไม่ถูกบีบเหมือนเมื่อก่อน และคิดว่าการเลือกคนที่ใช่ ที่เหมาะสมให้เรา เป็นคนที่แสนดีและซื่อสัตย์ มอบคุณค่าชีวิตของเราให้ทั้งชีวิต มันก็เป็นสิ่งที่ดีงามที่เราควรมอบให้แก่ชีวิตตัวเอง

....คุณเป็นใคร มาจากใครคือคนที่คุณคบด้วยและคนที่คุณเลือกที่จะอยู่ใกล้ แต่อีกอย่างก็คือ มันอยู่ที่ว่าความเข้มข้นของความดีหรือความชั่วของฝ่ายไหนมากกว่ากัน ก็จะละลายพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นตามไปโดยปริยาย อยู่ที่คนที่เข้มแข็งกว่าจะคงความต่อเนื่องหรือความเสถียรของพลังงานนั้นๆ ได้ไว้ตลอดหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่แข็งแรงกว่าจะไม่โดนอะไรเลยนะ พลังงานเมื่ออยู่ใกล้กันย่อมหลอมรวมกัน คนที่ดีอยู่กับคนชั่ว จะบอกว่าใจไม่หมองเลย เป็นไปลำบากมาก เพราะเวลาที่เราอยู่ใกล้ขยะ ถึงเราไม่แตะขยะ  แต่กลิ่นมันก็ซึมเข้าเนื้อตัวเสื้อผ้าโดยไม่ได้รับเชิญอยู่แล้ว ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ อะไรที่ตรงกันข้ามกันมากๆ ก็จะมารวมกัน หรือบางทีคนดีมากกับคนชั่วมากโคจรมาพบกัน เพราะในส่วนลึกของคนดีนั้นมีส่วนที่ชั่วเหมือนกันและเข้ากันได้กับคนที่ชั่ว และส่วนดีของคนชั่วที่มีอยู่ในส่วนลึก ก็เข้ากันกับความดีส่วนใหญ่ของคนดี หากแต่การรวมกลุ่ม คนคล้ายกันจะรวมกลุ่มกันนั่นคือความจริง หากเราตั้งตัวไว้เป็นคนที่ชอบแปลกแยก ไม่ชอบเหมือนใคร ชอบโดดเด่น เชื่อได้เลยว่าเราเองนี่แหละที่จะดึงคนแบบเดียวกันนี้อย่างหลากหลายเข้ามาในชีวิต โดยบางทีเราเองอาจรู้สึกว่า ทำไมเราต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วยนะ แต่กับไม่ได้มองลงไปลึกๆ ว่าเพราะความชอบแปลกแยกถึงดึงให้มาเจอกันได้ และพอพูดถึงความแปลกแยก เค้าก็อาจไม่เหมือนเราเลย อาจชั่วกว่า ดีกว่า หรือแตกต่างกันสุดขั้วจนไม่น่าจะมาอยู่ใกล้กันได้ แต่มาเจอกันได้ เพราะชอบแปลกแยกอย่างเดียวเท่านั้นที่เหมือนกัน และเป็นเครื่องดึงดูดแรงซะด้วย โดยที่เราไม่รู้พื้นฐานเลยว่าทำไม

มาลองดูการสำรวจหัวใจ จิตใต้สำนึกกันมั้ย ลองนั่งลงหรือนอนลงบนที่ที่เรารู้สึกสบายใจ และผ่อนคลาย ในท่าที่ผ่อนคลาย สบายๆที่สุด แล้วสูดลมหายใจช้าๆ ลึกๆ ซ้ำๆ กันไปสักพัก แล้วเริ่มคิดแบบมีสติ..

....เราลองคิดถึงหาดทราย ตอนแรกคิดไม่ได้เลย คลื่นรบกวนเยอะมาก เลยขอดุอาอ์ก็สบายขึ้น ค่อยๆบอกตัวเอง ยืนอยู่บนหาดทรายสีขาว ทรายละเอียดนุ่มเท้า นุ่มกว่าทรายแก้วที่เกาะเสม็ดอีก ใต้ฝ่าเท้าเป็นไข่มุกหลากสี ทับทิมและมรกต เต็มไปหมด และทั้งหมดนี้ก็เป็นของๆเรา และเราเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองมัน และมันมีค่าเพียงอยู่ใต้ฝ่าเท้าเรา เป็นกรวดนวดเท้ายามเราย่ำเดิน พยายามบอกกับตัวเองให้หันหลังกลับ ตอนแรกก็ไม่ยอมหันนะ มันมีคลื่นแทรกตลอด พอหันไปก็พยายามจะมองว่าบ้านของเราเป็นยังงัย มันเป็นคลิสตัลเป็นแท่งมหึมาเลย เป็นภูเขาเลยสวยงามมาก แต่มีเถากุหลาบสีดำเลื้อยขึ้นขวางอยู่ เราก็พยายามมอง เราพูดอะไรซักอย่าง ดอกกุหลาบที่เป็นสีดำทั้งต้นก็ค่อยคลีกลีบสีดำจนเห็นเป็นสีแดงและคลี่จนเห็นด้านในสุด มันเป็นกรงขังตัวอะไรซักอย่าง รู้สึกแปลกใจว่ามาไงฟะ..(พอถึงตอนนี้ จิตมันไหลไปเองแล้ว เหมือนเราเป็นเพียงคนนั่งดู การเลื่อนไหลของสายน้ำ ไม่มีส่วนร่วม มีแต่การเฝ้ามองอย่างมีสติ) ข้างในมีตัวประหลาดอะไรซักอย่างน่าเกลียดมากเท่าที่รู้สึก เละๆเน่าๆ และที่แน่ใจได้คือ กระแสเกลียดเรา..เต็มร้อย มีเสียงบอกเราให้เปิดกรงสิ...โอว คิดได้ไงเนี่ย เปิดให้มันมาฆ่าเราเหรอ กระแสจงเกลียดจงชังขนาดนั้นน่ะนะ...แต่เราก็รู้สึกถึงกระแสแห่งการปกป้องที่ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเราได้ และไม่มีความเคลือบแคลงเลยว่ามันจะไม่จริง เราก็เดินไปเปิด และถอยมาก้าวนึง ไอ้ตัวที่อยู่ในนั้นมันเป็นตัวเมีย มันยืดได้เหมือนเยลลี่หนืดๆ ที่พยายามจะมาให้ถึงเราให้ได้ แต่คนที่อยู่ข้างๆเราจับทุกไอ้ยืดๆนั้นไว้ทันทุกอัน ถึงแม้มันจะรวดเร็วเป็นปลาหมึกแค่ไหนก็ตาม จนเรารู้สึกเลยว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เค้าทำอะไรเราไม่ได้ เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ เราเชื่อเต็มหัวใจและหัวใจเราก็ไร้ความกลัวไปโดยปริยาย ตัวที่ว่านี่มันร้องอย่างอาฆาตว่า...

แกไม่ควรจะได้อะไรแม้แต่ซักอย่างเดียว ทุกอย่างมันควรเป็นของชั้น เป็นของชั้นคนเดียวววววววววว....

แอ็คโคมาก เราก็เลยได้รู้เลยว่า ไอ้เสียงนี้แหละที่มันขวางเรามาเสมอ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่คู่ควรที่จะได้อะไรทั้งสิ้น นี่ขนาดมันถูกขังไว้ในกรงแถมหุ้มด้วยกุหลาบยักษ์นะ มันยังทำได้ขนาดนี้ ความเกลียดของมันช่างมุ่งมั่นนัก ถ้าเอาความมุ่งมั่นนี่มาทำอิบาดะห์ คงไปสวรรค์เร็วกว่าเราอีกนะเนี่ย คนนี้เนี่ย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร มันทำเอง เราเดินเข้าไปเอามือจับที่หน้าผากเค้า แล้วบอกประมาณว่า ขออัลลอฮ์ทรงโปรดประทานความสุขสันติจงมีแก่เธอเถิด ขอให้เราทั้งสองจงหมดภาระผูกพัน และเราขอปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แล้วเค้าหายบ้าเลยนะ อัลลอคารีม ด้วยพระมหาเมตตาอิ่มเอิบให้หัวใจเค้า..ให้อภัยในกันและกัน และเค้าก็หายไปพร้อมกับเถากุหลาบ เปิดเผยบ้านคริสตัลของเรา โหห..อัลลอฮ์ ใหญ่โตมาก สวยมากด้วยมันขาวใสสะอาดยิ่งกว่าหิมะอีกอ่ะ เราว่าจะเดินเข้าไปหาห้องน้ำแต่เผอิญไม่มี ก็ตามสูตรที่เคยเรียนมาใน โอนไซชิคไง แต่มันไม่มี เลยช่างมัน คิดๆก็เหงาๆ เลยถามว่า หนูถามถึงคนที่ใช่ของหนูได้มั้ย แล้วเค้าก็ปรากฎ แต่เป็นสามีเรานะ เอ่อ.. นึกว่าจะเป็นคนอื่น แต่เราก็คลางแคลงใจในความรักของเค้ามาเสมอ แต่เค้าบอกเราในสิ่งที่เรารู้สึกรอคอยมาตลอด คือ เค้ารักเราคนเดียวและจะรักคนเดียวตลอดไป

 อินชาอัลลอฮ์ 

ไม่มีที่เหลือเผื่อใครอีกแล้ว พอแล้วเพียงเรา เราดีใจนะ เพราะไม่ได้อยากได้ใครใหม่อยู่แล้ว สามีคนเดียวพอแล้ว แล้วเราก็บอกเค้าว่า ในเมื่อเค้าให้เราได้ เราก็ให้เค้าได้เหมือนกัน เราเลยจูงมือเค้าไปที่หอคอยเป็นโดม เปิดเข้าไปเป็นหัวใจรักที่เรามีให้เฟส และเราก็เปิดมันออกและเข้าไปสวมกอดอย่างรักมากต่อหน้าสามีแหละ ไม่ปิดบังเลย ก็รักมากอ่ะและบอกสามีว่านี่คือคนที่เรารักมาก มากมายจนพระเจ้าเมตตาให้หัวใจดวงใหม่กับเราให้รักสามี เพราะเรารักคนๆนี้ไปหมดแล้ว แล้วเราก็จูงเค้าออกมา สลามกับสามีและเราก็บอกเค้าว่า เราขอปลดปล่อยเฟสให้กลับไปหาคนของเค้า ไปหาที่ที่เป็นของเค้าจริงๆ อย่างหัวใจปลดปล่อยอย่างแท้จริงนะไม่เหลือเผื่อไว้เลย ปล่อยไปเลย เพราะเราพอแล้ว อัลลอฮูเอ๊กแบร์ 

รู้มั้ย เค้ากับสามีกลายเป็นควันและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรางงเลย อ้าวไหงไม่ไปล่ะ มีเสียงบอกเราว่า ที่ของเค้า คือเค้าเป็นของเราและจะไม่เป็นของคนอื่น ที่ของเค้าคือที่นี่และเค้าจะไม่ไหนนอกจากที่นี่ ในความรักของเรา โห..อัลฮัมดุลิลลา รอมัตโดยแท้จริง ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ พูดจริงนะ นี่ไม่ได้สร้างเองนะ มันไปเองเหมือนเราดูหนังเลย เพียงแต่เราเลือกแสดงเหมือนเราเลือกตอบสนองชีวิตบนโลกเลยอ่ะ แปลกมาก และเราเลยถามคนที่บอกว่า โกหกป่าวเนี่ย ไชตอนรึป่าว เค้าบอกว่าเปล่า เราไม่ใช่ไชตอน มะลักของอัลลอไม่โกหกและไม่มีเหตุผลที่จะโกหกและไม่มีวันโกหก 

แต่ก็ช่างเหอะ เราไม่รู้ว่าใช่รึป่าว แต่ก็ขอบคุณมากที่มาบอก และช่วยเหลือ และเราก็รู้สึกว่า เราเองก็ปรับตัวไม่ค่อยถูกที่สามีมีเฟสกับสามีมารวมกัน แถมรักเรามากมายอีกต่างหาก ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยวางใจได้เลยว่าถูกรักจริงๆรึป่าว เฮ้อ..น่าสงสารแท้ตัวฉัน กลัวว่ามันจะไม่จริงเลยไม่กล้ารับ กลัวเค้าเอาคืนแล้วเราจะเก้อ แล้วต้องเสียใจอีก ไม่อยากเสียใจ ไม่กล้ารับ นี่คือความคิดตอนนี้นะ 

แต่ที่เราเห็นในนั้นคือ คนที่เป็นเรายืนจับมือกับสามีที่รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว แล้วบอกเราว่า ที่นี่สมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาของเราต้องกลับไปใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์แล้ววันนึงก็จะได้กลับมาที่นี่ ในสภาพนี้ที่เราเห็น แล้วที่เห็นนี่มันอะไรอ่ะ สวรรค์เหรอ หรือที่อยู่หลังความตาย กุโบร์อี้ กุโบร์งดงามเนาะ มาชาอัลลอฮ์ อิอิ ได้แบบนี้ก็อิ่มเลย

ที่เล่ามายาวมากนี่คือจะอธิบายถึงสิ่งที่เราบอกไปแต่แรกว่า ทำไมถึงยังคิดถึงเฟสแล้วไม่ลืมเค้าซักที ดูสินี่ขนาดสามีมาบอกรักแล้วนะ แล้วเป็นครั้งสุดท้ายแล้วด้วย ขนาดแม่น่ากลัวนั่นยังหายไปโดยสันติเลย แต่นี่ เค้าไม่ไป เค้าหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสามีผู้ที่รักเราคนเดียว...ชื่นใจจัง อัลฮัมดุลิลลา

แต่เราเห็นนะ ว่าปราสาทคริศตัลของเราไม่มีใครเลย มีคนรับใช้ผู้ชายตัวเล็กๆ คนเดียวมั๊ง แล้วก็มีคนดุ้มครอง เห็นแค่นั้น เพราะเราเจตนาไม่ต้องการใคร ไม่ต้องการคนรับใช้คนไหน เหนื่อยมากแล้ว ไม่เอาแล้ว 

และอีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่า กว่าเราจะได้ความรักที่แท้จริงเช่นนี้จากสามี คือเราต้องตายก่อนรึป่าว แล้วเค้าก็ตายตามมาบอกรักเราเนี่ย โอว..ช้ำใจจนตายเลยอี้...ลาคัตตัลลัลลอ ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นหมายความว่า เราต้องหลงคิดถึงเฟสไปจนตายจริงๆ ใช่มั้ย ไปตามที่เค้าบอกเลย อย่างลืมเราไปตลอดกาล เป็นเช่นนั้นจริงๆแล อินชาอัลลอฮ์ ประดุจคำสาปเนาะ ทำไมไม่แถมมาอีกหน่อย ว่ารักนะ คนดีด้วยอ่ะ อิอิ แต่ไม่รู้นะ เราอาจจะเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อย แต่รู้มั้ยว่าเราเชื่อคำพูดของผู้ชายที่เราเจอแค่ สองวัน คบกันแค่ สองเดือน คุยกัน เจ็ดครั้ง ตอนที่เค้าบอกเราว่า มันดูเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะมีเพื่อน แต่เธอคือคนที่สำคัญกับเราที่สุด และเราก็อยากเจอเธอ แถมหมอดูตอนนั้นยังคอนเฟิมอีก ว่าเค้ามาเพื่อมาหาเราครึ่งนึงเลย ขนาดนั้นนั้นเนาะ ก็อวยกันให้เหลิง แล้วไงล่ะ .. ชักแหง็กๆๆๆ อยู่นี่ไง ..เฮ้อ

เพราะแบบนี้แหละ ถึงไม่อยากยอมจะเปิดรับอะไร มาแล้วก็ทิ้งไป หลอกให้รักแล้วก็ทิ้งให้คิดถึงจนทำไงก็ไม่หายอยู่นี่ไง ผลไง ถึงไม่กล้าเปิดใจรับความรักอีก กลัวนะจริงๆ บอกตรงๆเลย เราจะเป๋เลยถ้าสามีบอกรัก เราเลยทำเป็นตลกโปกฮา ให้มันขำจะได้ไม่หวานมาก ใจจะได้ไม่หวังให้เค้ามารัก แต่อยากให้รักนะ แต่กลัวว่าเค้าจะทิ้งไปอีก มันไม่รับแล้วอ่ะ กลัวจริงๆ ขยาดเลย ที่เฟสทำแบบนี้ เข้าใจถ่องแท้เลยที่บอกว่า ความรักครั้งใหม่นี่จะยากมาก ต้องใช้พลังมหาศาล เพราะอดีตเป็นตัวขวาง ดูเหมือนไม่ใช่แค่เรานะ ท่าทางสามีเราก็โดนแบบเดียวกัน แล้วจะรักกันยังงัยละเนี่ย เราเคยบอกสามีตอนที่เจอกันครั้งแรกว่า.. เราสองคนแปลกนะ เราเป็นคนที่รักกัน แต่เราไม่กล้ารักกัน จนถึงตอนนี้เราก็พยายามจะรักกันอยู่เลย ก็ยังไม่กล้ามากนัก สามีอาจกล้ามากกว่าเราซะอีก กลายเป็นแบบนี้ไปซะ เฮ้อ..ต้องเยียวยาตัวเอง..ต้องเยียวยาจริงๆ 

แต่รู้มั้ยว่า กับสามีเราแต่งงานกันมาปีกับสองดือน คบกันมาสองปีสองเดือน ตอนเค้าบอกเราว่า เค้ารักเราและเราเป็นคนสำคัญของเค้า เรายังไม่เคยเชื่อเลย เพราะกระแสจากใจมันไม่เชื่อเองเลย มันเจาะไม่เข้าเลยนะ กับสามีนี่ เราต้องขออัลลอฮ์เช่นกัน แต่ขอให้เรายังสามารถรักเค้าได้จนถึงวันสุดท้ายของเวลาฮาลาลของเรา อย่าให้เราต้องอยู่กับเค้าแบบชีวิตชั่วร้ายแบบที่เราเคยได้รับมา ๑๑ ปีนั่นเลย รับไม่ไหวจริงๆ แบบนั้น ขอผ่าน ไปป้ายหน้าเลยถ้าเป็นแบบนั้นนะ อัลฮัมดุลิลลา อัลลอฮ์ก็ทรงเมตตามหาศาล ให้เรายังรักเค้าได้ เฮ้อ..คนที่ทิ้งไป เราขอให้ลืมกลับย้ำหนักเข้าไปอีก คนที่อยู่ด้วยควรจะรัก แต่เรากลับต้องขอดุอาอ์ให้เรารักเค้าไปจนหมดเวลาวินาทีสุดท้ายด้วยเถอะ แปลกแท้บททดสอบนี่ อินชาอัลลอฮ์ 

วันนึงมันจะมีจุดจบของมัน แต่เราต้องหาให้เจอ ว่าสิ่งใดที่จะทำให้เราสอบผ่าน แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลาดีกว่า ไม่เร่ง อัลลอฮูวาลัม แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เพราะทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน หากสิ่งที่เราเห็นคือจุดจบ 

อย่างน้อยเราก็แน่ใจได้ว่าวันนึงถึงแม้จะตายไปแล้ว สามีจะรักเราคนเดียว และเค้าจะรู้ตัวซะทีว่าเค้ารักเราคนเดียวจริงๆ อินชาอัลลอฮ์ ก็จะได้ไม่หวังในโลกดุนยาว่าเค้าจะรักเราคนเดียว เพราะมันคงเป็นไปได้ยาก เอามือเคลื่อนภูเขายังง่ายกว่าเลยมั๊ง ที่จะเปลี่ยนผู้ชายคนนี้ให้มารักเราคนเดียว คงต้องรอเราตายแหละเค้าถึงจะรู้ว่าเค้ารักเรา และเรามีค่าควรให้เค้ารัก หรืออะไรก็ช่าง อินชาอัลลอฮ์ ละกัน ปลอดภัยที่สุด จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ได้ก็ได้ก็คงแปลกใจ และต้องปรับตัวให้รับ..ปัญหาอีกตู ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว เพราะใจตอนนี้ก็ไม่พยายามรับอะไรอยู่แล้ว กลัวจะต้องเสีย วางเป็นกลางๆดีกว่า..ว่ามั้ย  ;)

อินชาอัลลอฮ์

บททดสอบ



....เมื่อคืนพิจารณาดู เห็นชีวิตชัดเลยว่า เจอคนที่ใช่ผิดที่ผิดเวลามันเป็นยังงัย และคนที่เป็นแบบทดสอบมาถูกที่ถูกเวลามันเป็นยังงัย หากคนที่ถูกใจ ใช่หมดทุกอย่างใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันจะใช่บททดสอบมั้ย มันจะมีอะไรให้เราอดทนเพื่ออัลลอฮ์ได้บ้าง มีอะไรที่จะทำให้เรารักเค้าเพื่ออัลลอฮ์ได้บ้าง อาจมีแต่ไม่มาก เพราะ เรารักที่ตัวเค้าไปแล้ว แต่ความรักแบบนี้อาจเป็นรางวัลหลังจากผ่านทดสอบก็ได้ ใครจะไปรู้ อาจเกิดขึ้นเต็มอิ่มหัวใจกับคนของเราเอง หรือผ่านบททดสอบแล้วก็ได้พบใครคนใหม่ที่เป็นรางวัลนะ ไม่ใช่ของขวัญแล้วคราวนี้ มาให้เราได้อบอุ่นหัวใจอย่างแท้จริง อัลลอฮ์พระองค์ไม่เคยบิดพริ้วสัญญาที่พระองค์สัญญาไว้แล้วว่าจะให้ เท่าที่หัวใจเราพร้อม เราต้องทำหัวใจของเราให้พร้อม และเมื่อได้ผู้เป็นรางวัล เราจะมีหัวใจที่ชื่นใจและขอบคุณต่ออัลลอฮ์ และรักเค้าเพิ่มพูนมากมายให้สมกับเป็นรางวลของอัลลอฮ์รึป่าว หรือจะหลงมัวเมารักแค่ตัวเค้า และหวงลืมอัลลอฮ์อีกแล้ว อัลลอฮ์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจทุกอณูแห่งความคิดของเรา การฝึกตนเป็นสิ่งสำคัญ การฝึกภาพสามมิติก็สำคัญ เพราะมันจะทำให้เรารับรู้ได้ว่า หากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ เราจะรับมือกับมันยังงัย และจะวางใจยังงัย อินชาอัลลอฮ์ 

....ก่อนหน้านี้ เราเองก็หลงทางมานานจนเริ่มจะจับจุดได้ และเริ่มวางใจ มันสบายใจขึ้นนะ ใจมันอยู่เหนือสภาวะอย่างที่เคยได้ยินมาได้จริงๆ ทุกอย่างที่เคยผ่านเข้าหู ได้ร่ำเรียนมาเป็นความรู้ มันได้ใช้หมดแหละ ไม่มีอะไรได้ทิ้งหรอก เพราะทุกอย่างคือ คลังปัญญาของอัลลอฮ์ที่แต่ละคนจะได้ และได้ไม่เท่ากันซะด้วย

อะไรที่เราได้มา เราจะได้ใช้ แต่ไม่ต้องหนีที่จะไม่เรียนนะ เพราะจริงๆแล้ว เพราะเราต้องได้เผชิญต่างหาก อัลลอฮ์ถึงให้ได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวเพื่อที่จะสอบผ่าน พระองค์ไม่ให้เราเรียนไปเรื่อยหรอก ชีวิตมนุษย์สั้นมาก และความรู้ก็มีมากมายจนใช้เวลาเพียงหนึ่งชีวิตเรียนหมดไม่ได้ ถึงต้องเรียนเท่าที่หนึ่งชีวิตจะสามารถรับรู้ได้ในหนึ่งรูปแบบเท่านั้นเอง มาชาอัลลอฮ์ ลองมองพระมหาศาลดูสิว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนที่ให้รูปแบบชีวิตมนุษย์ไม่ซ้ำกันเลยมาตั้งแต่มนุษย์คนแรก จนถึงมนุษย์คนสุดท้าย 

....อยากรู้เหมือนกันเนาะ ว่ามนุษย์คนสุดท้ายที่เกิดมาจะเป็นใคร และเค้าจะมีสภาพเป็นยังงัยก่อนที่โลกจะเข้าสู่ภาวะการดับสูญ แต่ก็คงเป็นที่น่าสงสารน่าดู เพราะต้องเกิดมาในยุคที่โหดร้ายที่สุด อัลฮัมดุลิลลาที่เราจะไม่ได้เกิดมาในยุคนั้น เพราะเมื่อเราตาย เราก็จะอยู่ในอาลัมบัรซัคจนถึงกิยามะฮ์ ไม่ต้องวุ่นวายกับโลกอีกต่อไป พักผ่อนในสถานที่อันเป็นที่พักผ่อนก่อนเดินทางกลับคืนสู่บ้าน..สวรรค์อันสถาพรชั่วนิจนิรันดร์

....บททดสอบที่เป็นการลงโทษเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และบททดสอบกับของขวัญเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งฮะลาลกับหะรอม ว่าความหลงผิดไปในบททดสอบและบทลงโทษ กับผลของมันนั้นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บททดสอบที่มาพร้อมกับบทลงโทษ จะมาในเวลาที่เราหมกตัวเองลงสู่สิ่งอันเป็นฮะรอมอย่างไม่ลืมหูลืมตา การหลงผิดไปบนหนทางที่ไม่เที่ยงตรง แบบทดสอบแบบเดียวกัน แต่ไม่มีความปราณีหลงเหลืออยู่เลย ถึงมีก็น้อยมาก ไม่มีตัวช่วย ไม่มีการผ่อนผันนอกจากต้องให้เข็ดชนิดแทบอกแตกตาย หากแต่เมื่อบททดสอบเดียวกันอยู่ในหนทางที่เที่ยงตรงและมีหัวใจที่ได้รับทางนำ อยู่ในฮะลาลของอัลลอฮ์ เราจะมีตัวช่วยมากมาย แถมยังขอความคุ้มครองได้ตลอดเวลา เมื่อขออภัยก็ได้รับบททดสอบที่ง่ายดายขึ้น และผ่านมันได้อย่างสะดวกขึ้น อินชาอัลลอฮ์ เมื่อหัวใจหลงทางก็ขอทางนำก็ได้รับทางนำที่เที่ยงตรง เมื่อทุกข์ก็ขอให้หัวใจสงบสุข แค่ขออภัยและมีคำตอบเดียวคือ อัลลอฮ์ แบบทดสอบก็ไม่มีอะไรนอกจากการวัดระดับอีหม่าน ว่าคำตอบจะมุ่งเพียงอัลลอฮ์หรือไม่เท่านั้น อัลลาคารีม และเมื่อแบบทดสอบผ่าน เราก็จะได้รับ ชีวิตที่เป็นรางวัล

หากเมื่อถึงเวลารับรางวัล ชีวิตจะมีสุขใจอย่างมากมาย ถึงตอนนั้นบททดสอบมีเพียงอย่างเดียว คือหัวใจอบอุ่นอยู่ในความรักของอัลลอฮ์หรือไม่ และหัวใจอัลฮัมดุลิลลา ต่อพระองค์สม่ำเสมอหรือไม่เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ หัวใจอยู่ที่พระองค์หรือไม่ นี่คือบททดสอบของมนุษย์ อินชาอัลลอฮ์

....อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้เราได้รับรู้ว่า ชีวิตเราควรอยู่เพื่อใคร คนแรกคือตัวเอง และคนที่สำคัญคือของขวัญของอัลลอฮ์ และพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด คนแรกที่เราต้องให้ความสำคัญคือตัวเอง เพราะขาดความบริสุทธิ์ในความดีของตัวเอง จะหวังพึ่งพิงคนรอบข้างได้ยังงัย คนที่เราพึ่งได้มากที่สุดคือตัวเอง และผู้ที่คุ้มครองให้เราและเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด คืออัลลอฮ์ เพราะฉะนั้นการมีชีวิตบนโลกมนุษย์มันคือการโยงใยเฉพาะระหว่างเรากับอัลลอฮ์โดยตรง และเมื่อเราดีแล้ว เรานี่แหละจะเป็นที่พึ่งพิงที่ดีที่สุดให้แก่ตนเองและคนรอบข้างได้อย่างสง่างาม 

อินชาอัลลอฮ์

การให้โอกาส



....เราได้รับรู้ในบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่ก็นั่นแหละ เราต้องให้โอกาสคนข้างเคียงให้เค้าได้พิสูจน์ตัวเองด้วยว่าเค้าเองสมควรที่จะได้รับสิ่งที่ดีขึ้นในชีวิตรึป่าว เค้ากลับเนื้อกลับตัวและจะพยายามที่จะทำผิดซ้ำแบบเดิมที่จะยังผลให้ชีวิตกลับจมลงแบบที่เคยเป็นรึป่าว นี่เค้าก็ต้องพิสูจน์และเลือกเองทั้งสิ้น ส่วนเราเองเป็นคนเดินเคียงแต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรให้ได้มากไปกว่าช่วยสุดความสามารถที่จะช่วยได้ จากสิ่งรบกวนภายนอก หากแต่สิ่งที่ปรับเปลี่ยนตนเองภายในเป็นเรื่องของเค้าเองกับอัลลอฮ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเราเลยถึงแม้ว่าอยากจะเกี่ยวแค่ไหนก็ตาม 

ทุกคนมีหน้าที่พิสูจน์ตัวเองเพื่ออัลลอฮ์ เพื่อยกระดับตัวเองหรือจะย่ำอยู่ที่เดิม หรือแม้แต่ถูกดัดสันดานจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยได้ หากเราลองมองดูตัวอย่างง่ายๆ คนที่มีความผิดแล้วติดคุก ต้องระวางจำโทษจนกว่าจะครบกำหนด มีใครคนหนึ่งขอร้องว่าจะมารับโทษชดใช้ให้ด้วย ขอลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง แต่คนที่เป็นนักโทษกลับทำให้ผู้คุมเห็นอย่างเปิดเผยว่าเค้าไม่ได้สำนึกอะไรเลย และเค้ายังจะทำผิดแบบเดิมอีกแน่นอนถ้าเค้าได้มีโอกาสได้รับอิสรภาพ อีกครั้ง คิดว่าผู้คุมจะปล่อยให้คนๆนี้ออกไปทำผิดอีกมั้ย...คำตอบก็น่าจะเป็น..ไม่..ใช่มั้ย แล้วคนที่มาช่วยล่ะ ควรทำยังงัย..ทำใจปล่อยวาง หากตักเตือนไม่ได้ หรือเตือนแล้วก็ยังดื้อด้านที่จะยังทำอยู่ ก็ควรปล่อยเค้าและมอบหมายเค้ากับอัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะดูแลเค้าเอง และอัลลอฮ์รู้ว่าเค้าสมควรที่จะอยู่ในชีวิตเราในระดับไหน เพราะเค้าเองคือคนที่เลือกเองที่จะเอาชีวิตของเค้าไว้ในระดับไหนของชีวิตเรา 

ทุกคนเลือกได้ และอัลลอฮ์จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ เค้าอาจเคยสำนึกได้ และตอนนี้อาจสำนึกไม่ได้และกลับมาทำแบบเดิมอีก อัลลอฮ์จะทรงจัดการสิ่งที่ดีที่สุดและคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราเอง โดยที่เราไม่ต้องกังวลใจในสิ่งใดเลย อัลลอฮูวาลัม สิ่งที่ดีงามที่สุด คือการเดินตามฮิดายะห์ ส่วนที่เหลืออัลลอฮ์จะเลือกให้เอง 

อินชาอัลลอ คียร์ เหมือนตอนที่เราจะเช่าร้านที่ช้างคลานหรือที่นิคม อัลลอฮ์รู้ว่าเราจะต้องมาอยู่ซาอุฯ เพราะฉะนั้นอัลลอฮ์จึงไม่ให้ และให้คนอื่นมาเอาไป ตัดหน้ากันแบบฉิวเฉียด สิ่งที่เรารู้ อัลลอฮ์เปิดเผยพระเมตตาของพระองค์เป็นรูปธรรมต่อเราเสมอ เราเพียงขอให้ตัวเองยอมรับและมองเห็นโดยแท้จริงว่าอัลลอฮ์จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้จริงๆ และจงยอมรับว่าสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดอาจสวนทางกับสิ่งที่เราปรารถนา 

หากเพราะอัลลอฮ์รู้ว่า สิ่งที่เราปรารถนา แต่หากคนข้างเคียงเค้ายังไม่พร้อมที่ได้รับมันในเวลานี้ และอาจไม่เหลือเวลาให้ได้รับมัน จนกว่าเค้าจะเลือกทางที่ถูกต้องและคำตอบที่เหมาะสม แต่ถึงตอนนั้นก็อาจสายเกินไปที่จะหวนคืนสิ่งที่เค้าเองปรารถนาเช่นกัน เพราะทุกอย่างมีโอกาสให้เลือกแค่ครั้งเดียวเสมอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต หากเราเลือกแล้วทางเดินก็จะเป็นทางที่เราเลือกเองที่จะทำ มนุษย์เลือกเองที่จะเดินตามนัฟซูหรือเดินตามอัลลอฮ์ เลือกได้ หากแต่ตัวเรา เรามุ่งมั่นที่จะให้คำตอบเดียวในชีวิตคืออัลลอฮ์แล้ว และคำตอบเดียวของดุนยาคือฮาลาลของอัลลอฮ์ที่มองเป็นของขวัญให้เราแล้ว หากแต่สิ่งที่เราทำ ภาคผลย่อมยกระดับเราให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราควรจะได้ ถึงแม้ไม่ใช่คนนี้ ก็จะเป็นคนที่ดีเพิ่มขึ้นเหมาะสมมากขึ้นเท่านั้นเอง อินชาอัลลอฮ์ ขอแค่คงตัวเองไว้ในความดี อัลลอฮ์จะทรงเพิ่มพูนริซกีให้อย่างมากมายและมีบารอกัตในนั้นเสมอ อัลลอ คารีม

....เรารู้อย่างนึงว่า เราไม่มีเวลามากนักที่จะมาเล่นกับชีวิตและปล่อยให้มันเละเทะไปวันๆ กับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ หากใครคนนึงยังต้องการเล่นกับชีวิตและเอาชีวิตเราไปพ่วงให้ล่าช้าไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย เราก็คิดว่าขอบายดีกว่า เชิญเล่นไปคนเดียวเถอะ เชิญไร้สาระไปคนเดียว เพราะชีวิตที่อัลลอฮ์ให้มามีค่ามากกว่าเอามาทิ้งขว้างกับสิ่งไร้สาระ และขวนขวายหาทางให้ตัวเองตกลงสู่ที่ต่ำ ทั้งๆที่ชีวิตถูกดึงให้ตกลงสู่ที่ต่ำเป็นปกติของฐานการทดสอบอยู่แล้ว ก็ยังจะซ้ำเติมตัวเองโดยการให้มันตกต่ำเร็วขึ้นเพื่อให้ต่ำลง เราไม่กล้าตัดสินสิทธิทางศานาของใครหรอก เพราะเราได้บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องของเค้ากับอัลลอฮ์ไม่เกี่ยวกับเรา เราทำได้เท่าที่ทำได้และทำไปหมดแล้วด้วย ที่เหลือก็เป็นเรื่องที่เค้าต้องพิสูจน์ตัวเองกับอัลลอฮ์เอง อินชาอัลลอฮ์ 

เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปภายภาคหน้า แต่เรารู้อย่างนึงว่า อัลลอฮ์จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา และเค้าในทุกหนทางที่เหมาะสมกับเรา โดยความเป็นจริง เราก็ไม่อยากพูดว่าเรารู้ เราเห็นอะไร เพราะมนุษย์ทั่วไปเค้าไม่เห็นกัน และเค้าสัมผัสไม่ได้ มันยากที่จะบอกให้คนที่ไม่เคยเห็นหรือสัมผัส จะเชื่อในสิ่งที่มันมีอยู่ หรือเค้าอาจเห็นหรือเคยสัมผัสแต่เลือกตั้งโหมดไว้ที่...ไม่เชื่อ ก็ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปทำให้เค้าเชื่อ อัลลอฮ์เท่านั้นที่จะเปิดใจเค้าให้ได้รับปัญญานี้หรือไม่เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องของเราเลย 

อินชาอัลลอฮ์

การชื่นชม



....หากดูจากการเขียนของเราทั้งหมด สไตล์การเขียนของเราคือการเขียนเพื่อให้คนอื่นอ่าน นี่ก็เพราะมันเป็นสิ่งปลูกฝังเราให้ทำอะไรได้ดีและตั้งใจต้องทำให้คนอื่นได้เห็น อยากให้คนอื่นพอใจ เราจำได้..ครั้งนึงสามีของเรา ทำแบบฝึกหัดไอเอลแบบใหม่ และเค้าทำมันได้ดี และเค้าพูดเหมือนอวดเราว่า เค้าลองแบบใหม่..มันน่ารักมากเลย กับการที่เค้าพยายามอวดเราในสิ่งที่เค้าทำได้ดี และเราก็เห็นตัวเอง โอบกอดเค้าอย่างรักใคร่เอ็นดู ด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม เราเชื่อว่าเพียงเท่านี้เอง จากความรักที่แท้จริงที่ใครคนนึงมีให้อีกคนด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง เค้าจะทำมันได้ดี และเค้าก็ทำมันได้ดีจริงๆ และที่เราเห็นและรู้สึกสัมผัสได้ถึงสายใยของเราอย่างแท้จริง คือหลังจากที่เค้าสอบเสร็จ คนแรกที่เค้าต้องการกำลังใจคือเรา เพราะเค้ารู้ว่าเราอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าเค้าจะได้ผลสอบยังงัย เราจะอยู่ตรงนี้เพื่อบอกเค้าว่า ไม่เป็นไร มันจะดีที่สุด คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่ากำลังใจที่จริงใจจริงๆ ไม่เคลือบแคลงไปด้วยสิ่งตอบแทนใดๆ เพียงสายตาและหัวใจที่โอบกอดให้รู้ว่า..รัก

มาทางนี้นิดนึง..มามองดูพื้นฐานส่วนตัวเราเอง เป็นคนที่เอาตัวเองเป็นใหญ่มาก ข้างในเอาแต่ใจตัวเองมาก แต่ต้องมาทำเพื่อให้คนอื่นพอใจเพื่อที่ตัวเองจะได้พอใจ จนมันกลายเป็นความอัดอั้นและทำลายบุคลิกภาพที่ควรจะสง่างามของเรา ลาคัตตัลลัลลา

เพราะอะไรก็ตามที่เราไม่ได้ดังใจ เราพร้อมที่จะตัดทิ้งและใช้กำลังในการทำให้มันหายไปด้วยการทำลายหรือไม่ก็ทำร้ายเพื่อให้ได้มา อย่างหลังนี่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะไม่อยากที่จะสู้รบกับใครอีกแล้ว เพราะอาจเคยใช้มันมามากจนอิ่มตัว ชีวิตนี้ถึงใช้อย่างแรกมากกว่า 

จะว่าไปเราก็เจอคู่ปรับตัวจริง น้าติ๋ม..คือคนที่ไม่เคยพอใจกับชีวิตที่ตัวเองมี ดิ้นรนไขว่คว้าแต่ก้ไม่เคยพอ อิจฉาริษยาคนที่มีมากกว่าเป็นพื้นฐานของจิตใจ โช๊ะเด๊ะ...คนที่ไม่เคยพอใจและไม่ยอมมีความสุขกับอะไรกับคนที่ปรารถนาให้คนอื่นพอใจแล้วถึงจะมีความสุขมาอยู่ด้วยกัน อะไรจะเกิดขึ้นถ้าไม่ใช่หายนะของใครคนใดคนหนึ่ง และเราก็เป็นคนยอมเพราะด้วยวัยและประสบการณ์ ต้องยอมเค้า เค้าทำร้ายจิตวิญญาณของเราอย่างเต็มรูปแบบด้วยธรรมชาติพื้นฐานของเค้าโดยไม่ต้องพยายามลงแรงเลยด้วยซ้ำ เพราะเค้ามาแบบนั้นเป็นธรรมชาติที่จะไม่พอใจกับอะไรเลยที่เราทำ ส่วนเราเองก็พยายามทำทุกอย่างให้เค้าพอใจถึงจะมีความสุข ผลนะเหรอ...เราก็ถูกทำลายราบคาบนี่ไง พูดติดขัด ไม่มั่นใจในตัวเอง ประหม่า ประสาท ดูเหมือนการที่คนๆนี้เข้ามาในชีวิตเรา เหมือนเค้าถูกสร้างมาเพื่อทำลายความมั่นใจและความสุขของเราโดยเฉพาะ.. เพราะเรามีทุกอย่างที่เค้าไม่มีตอนเด็กๆ ความสุขที่มันสว่างออกมาจากตัวเรา เค้าก็ทำด้วยความแน่ใจว่ามันจะไม่เหลือไว้ให้เราได้ชื่นชมมันเลย ไม่รู้เกลียดอะไรเรานักหนา..เฮ้อ วัยรุ่นเซ็ง..

เพราะการถูกทำร้ายลงไปในจิตใต้สำนึกแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ถึงทำให้เราสัญญากับตัวเองว่า ถ้าเรามีลูกจะไม่มีวันให้ลูกไปอยู่กับคนอื่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม หากลูกจะเป็นอะไร ให้เป็นเพราะเรา ไม่ใช่เพราะความไม่สมบูรณ์ของคนอื่น ที่มาทำลายลูกเราแบบที่เราเคยได้รับ

...เราได้มองเห็นตัวเองในแง่ดีอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าตัวเราเองจะโดนยำเละมายังไงในอดีต เราพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งต่อสิ่งเลวร้ายที่เคยได้รับมาต่อไปให้ผู้อื่น ตรงกันข้าม เราตระหนักเสมอว่า จะพยายามไม่ทำให้คนรอบข้างเราโดนแบบที่เราโดน พยายามให้เค้ามั่นใจว่า ทุกคนรอบข้างเรา คนที่ได้มาเจอกัน จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเราไป และจดจำกันไว้ในหนทางที่ดีที่สุด เหมือนอย่างที่ให้กำลังใจสามี ในยามที่เค้าปรารถนาการเอาใจใส่ อยากให้เราชื่นชม เราก็ให้อย่างเต็มอิ่มเลย อัลฮัมดุลิลลา

อินชาอัลลอฮ์

ทีนี้..มาดูจากการเขียนของเรากันบ้าง ถึงแม้เราเขียนไดอารี่นี้ มันไม่เหมือนไดอารี่เลยนะ เหมือนเรากำลังนั่งสอนใครบางคนมากกว่า มันดูเหมือนเป็นการเขียนที่จะต้องมีใครมาอ่าน ไม่ใช่การเขียนที่ Satisfy ตัวเองอย่างแท้จริงที่ไดอารี่ควรเป็น อาจเป็นเพราะด้วยที่เราไม่ให้ความสำคัญของตัวเอง เห็นความสำคัญของตัวเองน้อย เราถึงรู้สึกว่าการเขียนให้ตัวเราเองอ่านจะมีอะไรมากไปกว่าสิ่งไร้สาระ โดยที่เราไม่คำนึงถึงเบื้องหลังเลยว่า หากเราสามารถมีความสุขกับการคุยกับตัวเองได้ หัวใจเราจะสมบูรณ์แค่ไหน ใครจะเป็นเพื่อนสนิทได้ดีที่สุดเท่ากับตัวเรา เราคุยกับตัวเองแทบจะตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่คุยกับตัวเองแต่ก็พูดกับตัวเอง หรือพูดให้ตัวเองฟังตลอดเวลาอยู่แล้ว ทำไมคนเราถึงไม่เป็นเพื่อนสนิทกับตัวเองซะเลย ความสมบูรณ์จะเกิดขึ้นโดยแท้จริงเพราะเราจะได้เข้าใจตัวเอง 

ลองมองย้อนดูรอบๆตัวสิ เวลาที่เราจะคบใครบางคน เราใช้เวลาเพื่อที่จะเรียนรู้เค้านะ ว่าเค้าเป็นคนยังงัย และจะเข้ากับเราทางไหน หรือเราควรจะปรับตัวเองให้เค้ากับเค้าได้ทางไหนถ้าเราต้องการมีคนในชีวิตเป็นเพื่อนซักคนนึง แต่เรากลับมองข้ามเพื่อนที่อยู่กับตัวเรามาแต่เกิด คือตัวตนภายในของเราเอง ไม่ต้องไปหาเพื่อนสนิทที่ไหนที่จะควรที่จะเข้าใจและใส่ใจมากไปกว่าเพื่อนสนิทที่เรียกว่า เธอในฉัน..และฉันที่เป็นฉัน เรารู้สึกว่า คนๆนี้แหละที่สำคัญมากที่สุดที่เราควรทำความรู้จักและสนิทสนมกับเค้าไว้ เคยมั้ยที่บางที ตัวเราเองเหมือนแยกเป็นสองคนที่เถียงกันเพื่อหาคำตอบที่ลงตัวที่สุดเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องการคำตอบที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตเกิดขึ้น เราจะแยกออกเป็นสองคนโดยอัตโนมัติ ตามธรรมชาติเลย เหตุผลและอารมณ์ ปราศัยหารือกันเพื่อหาความลงตัวและให้คำตอบที่ดีที่สุดกับเหตุการณ์ตรงหน้า ด้วยเช่นนี้ เราเองถึงควรที่จะทำความรู้จัก เรา..ในเรา ให้เป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจมากกว่าไปหาเอาจากข้างนอก แล้วเราจะได้เห็นตัวตนที่สมบูรณ์โดยแท้จริงของตัวเอง 

อินชาอัลลอฮ์

....เอาล่ะ...มาเริ่มลองเล่นของใหม่กันดีกว่า การตั้งนาฬิกาทรายในหัวใจแห่งความปรารถนาของตัวเอง ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อน เคยเห็นนาฬิกาทรายที่พลิกเอาทรายไว้ข้างบนแล้วทรายมันไม่หล่นมั้ย คำตอบคือ...ไม่มีทาง นอกจากมันจะอยู่ในห้องสูญญากาศ ซึ่งเราไม่อยู่อยู่แล้ว เรากำลังพูดถึงวิถีชีวิตธรรมดาๆ แบบธรรมชาติที่เราใช้กันอยู่ทุกวันๆ ทรายย่อมร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก นั่นคือสิ่งที่ชัวร์ยิ่งกว่าชัวร์ว่ามันจะเป็นแบบนั้น พอใจเราวางและเชื่อแบบนี้แล้ว เราก็มาเริ่มขั้นตอนต่อไป คือวางแผนคัดลอกสิ่งปรารถนาจากนามธรรมในโลกดุนยา มาเป็นรูปธรรมในโลกแห่งจิต และผลจะส่งสะท้อนกลับไปเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในดุนยาเพื่อให้เราได้รับ

ประสบการณ์ที่เราเลือกเองนี้ เราเรียกอีกอย่างว่าการสร้างพิมพ์เขียวใหม่ให้แผนที่ชีวิต เราไม่อาจเขียนแผนที่ของชีวิตโดยละเอียดได้ทั้งหมดเพราะผู้ที่สามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์ไร้ข้อผิดพลาดคือ อัลลอฮ์แต่เพียงผู้เดียว 

อัลลอคารีม

แต่เราสามารถเพิ่มบทเรียนของชีวิตของตัวเองได้นะ อินชาอัลลอฮ์ และมันก็ถูกกำหนดไว้แล้วให้มันเป็น แต่เราก็ทำใจสบายๆ ว่านี่คือสิ่งที่เราได้เลือกเอง จะได้รู้สึกภูมิใจ อัลลอฮ์ทรงชื่นชมผู้ถูกสร้างคนดีของพระองค์เสมอ พระองค์อยู่เคียงข้างเราเสมอแม้ยามไม่สามารถมีใครอยู่ได้ มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สามารถ ไม่มีผู้ใดสามารถและเมตตาเรามากไปกว่าพระองค์อีกแล้ว อัลลอฮูเอ๊กแบร์

ก่อนลงมือสร้างพิมพ์เขียว เราต้องตรึกตรองก่อนว่าเราปรารถนาที่จะมีประสบการณ์กับอะไร และค่อยร่างมันออกมาบนกระดาษ กระชับมันให้ได้ใจความ และทำความเข้าใจกับมัน ต่อไปก็สร้างภาพแห่งความรู้สึกนั้นขึ้นมาในใจ ใส่ความรู้สึกเข้าไปว่ามันเกิดขึ้นแล้วเราจะรู้สึกแบบไหน ยังงัย และคำสำคัญ กุญแจ.. อยู่ที่ .. จงตั้งเวลาและสถานที่ที่ชัดเจนไว้ เช่น ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า เราเดินไปเหยียบหินสีแดงสวยงามถูกใจเรามาก เราหยิบมันขึ้นมาดู แล้วทุกอย่างมันก็เริ่มขึ้น..อย่างง่ายดาย คือสิ่งแรกที่เราทักทายบทเรียนใหม่นี้ คือรอยยิ้มที่อิ่มอุ่นหัวใจที่สุด เบิกบานที่สุด และเรารู้ว่ามันจะดีสำหรับเราที่สุดด้วย และจัดการคว่ำนาฬิกาทรายได้เลย แล้วปล่อยให้ทรายมันไหลไป เราไม่มีวันรู้ว่าขวดทรายมันใหญ่แค่ไหน จะหมดเมื่อไหร่ แต่ที่เรารู้แน่นอนคือ ทรายมันจะหมดแน่ๆ และเมื่อทรายหมดก็คือจุดที่เราพร้อมจะตื่นมาใช้ชีวิตกับประสบการณ์นั้นทันทีอย่างตื่นตัวและมีความสุข 

ส่วนในระหว่างที่รอทรายหมด เราก็จะถูกเตรียมตัว ปรับปรุงสภาพเพื่อให้เข้ากับสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ กับสิ่งที่เราได้เลือก อัลลอฮ์ทรงรู้ดีว่าจะเตรียมตัวเรายังงัย พระองค์ทรงเป็นผู้ตระเตรียมผู้ที่วางใจมอบหมายแด่พระองค์อย่างดีเยี่ยมที่สุด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเมื่อชีวิตเราอยู่ในการรังสรรค์ของพระองค์แล้ว 

ฮัสบุนัลลอ อัลลอฮูวาลัม

และแล้ว..ก็ถึงเวลาเหยียบ..หินสีแดง..จนได้สิน่า

อินชาอัลลอฮ์

การเชื่อ..อย่างสงบ



....หากมองไปที่หัวใจของเรา เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่มีอัตราคงที่มากๆ หลงชอบทำอะไรอย่างสนใจเต็มที่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนมีแรงขับมากมายต้องให้ทำสิ่งนั้นตอนนั้นให้ได้และต้องทำด้วย และเมื่อทำแล้วความรู้สึกก็หายไปสักพัก ก็จะมีแรงขับเคลื่อนใหม่มาให้หลงใหลทำไปอีกเหมือนเดิม และวางอีก เป็นกราฟขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัดถ้าเราสังเกตุดู และเราจะเห็นว่ามันจะมีช่วงพีคและหยุดพักก่อนที่จะไต่ขึ้นพีคอีกรอบ และอีกรอบหมุนเวียนไป แต่ก็เป็นพลังงานเดิมๆที่ ไต่ขึ้น..จุดสูงสุด..ลดระดับ..พักระยะ..เริ่มไต่ใหม่ เป็นเช่นนี้ตลอดไป พลังงานนี้เป็นพลังงานขับเคลื่อนที่คงที่ ไม่ใช่ดีหรือร้าย แต่สิ่งดีและสิ่งไม่ดีต่างหากที่แย่งซีนกันในการเข้าร่วมในการขับเคลื่อนนี้ ช่วงชิงคิวกันให้ยุ่งเหยิง ถ้าเราสามารถมองเห็นโลกแห่งวิญญาณ เราคงเห็นมะลักกับชัยตอนแย่งซีนกันสุดริด ไม่สิต้องบอกว่า ชัยตอนพยายามแย่งซีนมะลักมากกว่า และเมื่อหากเวลานั้นเป็นเวลาบททดสอบของเราพอดี มะลักก็ต้องปล่อยมือให้ชัยตอนเข้ามาทดสอบเรา ซึ่งผู้เดียวที่เราขอความช่วยเหลือได้คือ อัลลอฮ์ อัลลาคารีม

....บางครั้งที่หัวคนเราว่าง แล้วคิดอะไรไม่ออกว่าจะคิดอะไรนี่มันก็เป็นอีกเรื่องที่แปลก เหมือนชีวิตมันสะดุด อาจเพราะสมองของคนเราคิดตลอดเวลาไม่มีการพักผ่อน และยิ่งคนฟุ้งซ่านง่ายแบบเราอีก ยิ่งไปกันใหญ่ บางครั้งกลับคิดว่า หากคนเรามีทรัพย์สมบัติพอแล้ว มีบ้านที่ตัวเองรู้สึกพอ มีรถยนต์ที่พาไปไหนมาไหนอย่างสะดวก มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีลูกหลานและครอบครัวที่ทุกคนเป็นสุขในตัวเองและไม่มีเรื่องที่จะต้องเบียดเบียนกันเลย มีกิจกรรมการงานที่รื่นเริงและมีประโยชน์ต่อทั้งตนเองและผู้อื่นได้ทำอย่างสมดุลย์พอดี และทำอิบาดะห์ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างสบายอารมณ์ หากเรามีสิ่งเหล่านี้พร้อมเพรียงแล้ว ลองสำรวจตัวเองดูซิว่า ถ้ามีแล้วในตอนนี้ ชีวิตยังต้องการอะไรอีกมั้ย 

คำตอบของเราเอง... ในหัวเราก็ยังมีเรื่องให้ต้องคิดว่าจะดำรงสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่อยังประโยชน์ให้แก่ตัวเองและคนรอบข้างไปในทางไหน และทำอย่างไร เพราะเช่นนั้น ถึงแม้ความสุขที่เราอาจเรียกว่า เพอร์เฟกนี้ อาจไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ต้องการอย่างแท้จริงก็ได้ หากชีวิตคือสิ่งขับเคลื่อนไป เราไม่จำเป็นต้องมีมันก่อนหรอกถึงจะมีความสุข แต่หากเราพอใจกับสิ่งที่เรามีตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ และจัดมันให้เข้าที่เข้าทาง อย่างมีระเบียบ เราว่าชีวิตก็มีความสุขตอนนี้ได้นะ เพราะเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนแปลง เรารักษาอะไรให้มันคงทนถาวรแบบเดิมไม่ได้หรอก ทำให้คนรักเราเหมือนเดิมก็ไม่ได้ แต่เราทำให้เค้ารักเรามากกว่าเดิมได้นะ ก็พยายามรักษาไม่ให้เค้าบาดหมางก็น่าจะเพียงพอด้วยเหมือนกัน แล้วก็ใช้ชีวิตกับสิ่งที่เรามีอย่างมีความสุขบนความพอ สิ่งให่มๆจะหาทางเข้ามาในชีวิตเราเอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพียงแต่เราจะยอมรับให้มันมารึป่าวเท่านั้นเอง แต่ก็อีกนั่นแหละ หากทุกอย่างขีดวางเอาไว้แล้วว่าเราต้องเผชิญสิ่งใหม่ ถึงเราจะไปมุดอยู่ในรูที่ไหน สิ่งใหม่ๆนั้นก็ตามเราเจอจนได้ หรืออาจมีพลังงานขับเคลื่อนบางอย่างบีบเราให้ต้องเดินไปบนหนทางนั้นๆ เพื่อจะได้พบกับสิ่งใหม่นั้น ไม่มีอะไรใหม่ ทุกอย่างถูกวางไว้หมดแล้ว ถูกที่ถูกเวลาที่เหมาะสมและลงตัวซะด้วย มาชาอัลลอฮ์

....สิ่งที่เราควรมองเห็นและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตัวตนของเราในปัจจุบันมีความสุขสมบูรณ์ในตัวเองรึยัง หากยังจงทำมันซะ อยู่กับสิ่งที่มีนี่แหละ บางทีเราอาจมองสิ่งรอบกายเป็นขยะ เพราะเราทำให้มันเป็นขยะเอง ลองจัดสรรสิ่งต่างๆใหม่ เมื่อความมีระเบียบเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือ ชีวิตที่ไร้ขยะ หากแต่เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ลงตัว ให้แก่เราผู้เป็นผู้ที่สมควรที่จะได้รับสิ่งดีๆเหล่านี้ และเป็นเราผู้ลงมือทำให้ชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครสามารถทำให้ได้ มนุษย์มากมายรอให้ผู้อื่นบอกให้ทำนั่นนี่แล้วชื่นชมว่าสิ่งที่เค้าทำมันดี โดยไม่มองว่าเข้ากับความชอบของตัวเองจริงๆรึป่าว แต่พอรับเอาสิ่งที่คนอื่นทำและเห็นว่าดีในสายตาของตัวเองเข้ามาใช้จริงๆ เราก็ทำมันพังและกลายเป็นขยะอันใหม่ในชีวิต เพราะอะไรนะเหรอ เพราะสิ่งที่เป็นเขามันไม่ใช่เราไง เราต้องจัดสรรชีวิตที่เราอยู่แล้วมีความสุข พื้นที่ส่วนตัวที่อยู่แล้วมีความสุข ไม่ใช่ให้คนอื่นมาจัดสรรให้ นี่น่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะสามารถมีความสุขกับตัวเองได้อย่างแท้จริงในเวลานั้นๆนะ อินชาอัลลอฮ์

....พึ่งได้แนวคิดใหม่ๆ จาก  The Secret คือความลับจักรวาลที่พระเจ้าซ่อนศักยภาพนี้ไว้ในตัวมนุษย์ทุกคนแล้วละก็ โดยผ่านการฝึกฝนที่จะป็นสุขกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเองและอย่างกล้าหาญเท่านั้น ที่จะเข้าถึงความลับนี้ได้โดยสะดวก การทำสมาธิคือการสงบจิตใจให้อยู่กับที่ การทำซาลาห์คือการสงบจิตใจให้อยู่กับที่ การหลับตาจินตนาการ หายใจเข้าออกช้าๆ เป็นการสงบจิตใจให้อยู่กับปัจจุบัน หรือแท้จริงการทำจิตใจให้สงบจากอารมณ์ต่างๆ คือเคล็ดลับของการไขจักรวาลในตัวเองกันแน่

ส่วนนึงเราปิ๊งค์ๆ ขึ้นมาว่า หากเราระบุเวลาของสิ่งที่เราต้องการอย่างชัดเจนเป็นเวลาที่ถูกตั้งไว้ โดยไร้กาลเวลา และผูกสิ่งนั้นๆ เอาไว้กับเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เราปรารถนาให้เกิดขึ้น นี่อาจเป็นอีกหนทางวิธีของการสื่อสารกับตัวตนภายในก็ได้ เราได้แนวคิดนี้มาจากตอนที่กำลังตั้งนาฬิกาปลุก เราตั้งเวลาเป็นหน่วยนาทีแล้วผูกไว้กับเรื่องราวว่า เมื่อถึงเวลาที่เสียงนาฬิกาปลุกเราจะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ที่เราคาดไว้โดยทันที ถ้ายังไม่ถึงเราก็ยังง่วนอยู่กับการทำสิ่งอื่นอย่างไม่สนใจมันเลยด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะเราได้จัดสรรเวลาของชีวิตแล้วว่า ณ เวลานั้นๆ เราเลือกที่จะทำอะไร ซึ่งในบางทีเราก็ขอผัดผ่อนไปสักห้าหรือสิบนาทีหรือมากกว่านั้น ก็แล้วแต่ใครจะเลือก แต่สุดท้ายเป้าหมายที่เราตั้งไว้ก็ต้องทำอยู่ดี เพราะเราเลือกไว้แล้ว ลองสังเกตดูมั้ยว่าเวลาที่เราตั้งนาฬิกาปลุกให้ตื่นตอนเช้า เราแน่ใจได้ว่ามันจะปลุกเราในเวลาที่เราตั้ง ถึงแม้บางทีเราตื่นก่อนมัน แต่เราก็จะรอให้มันปลุกเราอย่างเป็นทางการอีกทีเป็นรูปธรรม
จริงๆ นาฬิกาปลุกหรือแม้แต่การตั้งเวลาและสถานที่ เหตุการณ์เป็นเพียงเครื่องมือที่ให้เราสื่อสารและให้คำมั่นตกลงใจกับจิตใต้สำนึกของตัวเองว่าเราเลือกแบบนี้และมันก็ทำแบบนั้นตามที่เราเลือก 

อินชาอัลลอฮ์ 

เพราะโดยธรรมชาติในตัวเรามีนาฬิกาปลุกติดตัวมาแต่กำเนิดแล้ว หากก่อนนอนเราสั่งจิตและกำหนดว่า ตีสี่ตื่นนะ และจงหลับอย่างเป็นสุข เพราะตีสี่เป๊ะ เราจะตื่นทันทีตรงเวลาไม่มีบิดพริ้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจและไม่มั่นคงกับคำสั่งที่เข้าไปในหัวใจเอง เลยทำให้เขาพลาดเครื่องมือที่ทรงคุณค่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย 

เคล็ดลับอีกอย่าง คือ การเชื่ออย่างสงบ 

รู้..ว่ามันจะเป็นแบบนั้นโดยไม่มีการข่มบังคับต้องได้อย่างใจ 

เพราะการข่มบังคับตามความอยาก ไม่ใช่แค่จะไม่ได้ แต่ยังเป็นเครื่องกีดขวางชั้นเยี่ยมที่ทำให้เราพลาดกับสิ่งที่เป็นของเราด้วยซ้ำ การที่เราได้อะไรช้าลง ไม่ใช่เพราะพระเจ้าแกล้งหรืออะไรหรอก หากแต่จิตใจของเราเองต่างหากที่พร้อมหรือยังไม่พ้อมที่จะรับมัน เวลาเป็นปัจจุบันที่เป็นนิรันดร์นะ มันเคลื่อนที่เร็วขึ้นและช้าลงได้ เพียงแต่เราพร้อมหรือยังต่างหาก หากเราทำใจเราให้พร้อมที่จะพอเพียงในสิ่งๆนั้น รู้ว่าจะจัดการกับมันยังงัย มันจะมาโดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อินชาอัลลอฮ์ มันจะถูกบังคับให้ตรงมาที่เราคนเดียวผู้เป็นเจ้าของมันด้วยซ้ำ 

....อย่างนึงที่เราได้เรียนรู้เมื่อคืนนี้ คือสิ่งที่เป็นของเรา มันจะเป็นเพียงของๆเรา และจะไม่เป็นของใครนอกจากของเราเท่านั้น ถึงเราไล่มัน วางมัน ขว้างมัน มันก็จะยังอยู่ที่นั่นและเป็นของเราวันยังค่ำ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้คือ เรียนรู้ที่จะรับมันและรู้คุณค่าของตัวเองว่าเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีค่าคู่ควรกับสิ่งที่ถูกจัดสรรมาอย่างดีแล้วนี้ ถึงแม้ผู้อื่นได้ไป เค้าก็ใช้ไม่เป็น การฝืนผลักมันออกไปเพราะเพียงแค่คิดว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะครอบครองมัน กลับกลายเป็นการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ แทนที่มันอยู่ในมือของเจ้าของมันและสามารถงอกเงยขึ้นมาเป็นดอกผลอันอุดม แต่กลับไปอยู่ในนาที่แร้นแค้นและไม่ใช่เจ้าของ ความสูญเปล่าคือผลตอบแทนของการผลักไสของๆตัวเองนี้ออกไป

อินชาอัลลอฮ์

การเดินทาง..บนหนทางของอัลลอฮ์


....เรามองเห็นอีกอย่างนึง ศาสนาอื่นนอกจากอิสลามไม่มีการชะฮีดนะ พุทธก็มีแต่กล้าเสี่ยงตายเพื่อตัวเอง ยอมตายในการเดินทางธรรม ยอมตายในสมาธิ หากแต่ไม่มีใครยอมตายเพื่อศาสนา เพื่อปกป้องศาสนา เห็นแต่ยอมตายเพื่อปกป้องบ้านเมือง และศาสนาค่อยถูกฟื้นฟูเมื่อบ้านเมืองรอดแล้ว จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อศาสนา แต่เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ คริสต์กับยิวไม่ต้องพูดถึง เอาแต่ตัวเองอยู่แล้ว ส่วนพราหมณ์ก็แบ่งเราวรรณะ แยกเราดีกว่าสูงกว่า เธอต่ำกว่า เลิกพูดถึงศาสนาไปเลยเพราะทำไปเพียงเพื่อให้ตัวเองเท่านั้น น้อยนักที่จะทำเพื่อศาสนามาก่อน ทำสิ่งใดลงไปก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนความศรัทธาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ มีแค่อิสลามที่ตั้งต้นศาสนาไว้เป็นจุดประสงค์ ทำสงครามเพื่อศาสนา ส่วนบ้านเมืองและผู้คนค่อยฟื้นฟูทีหลัง รากของศาสนามาก่อนความต้องการส่วนบุคคลเสมอ ดุอาฮ์ของมุอมินอ์ จะขอให้ตนเองเป็นผู้ดำรงศาสนา ขอให้อัลลอฮ์จงรักษาความดีงามเพื่อศาสนาของพระองค์ ขอให้เราอยู่เป็นสุขเพื่อพระองค์ อดทนเพื่อพระองค์ และตายเพื่อพระองค์ อัลลา คารีม มีตัวเองน้อยจัง ดีงามเนาะ ชอบๆ

....ได้เห็นวันนี้อีกอย่าง หากเรามองทุกสิ่งที่อยู่อบตัว แม้แต่ตัวเราเองให้เป็นของขวัญของอัลลอฮ์ มันจะกลายเป็นภาวะเหมือนเราหลุดออกมาจากตัวเองเลยนะ หากเรากำลังป้อนอาหารสามี เราก็เห็นว่านี่ไม่ใช่สามีแต่นี่คือของขวัญของอัลลอฮ์ มีอัลลอฮ์อยู่ในนั้น หัวใจเราจะแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากการป้อนอาหารให้สามี เป็นป้อนอาหารให้อัลลอฮ์ผ่านของขวัญของอัลลอฮ์ หัวใจจะอิ่มเอิบมากกว่า และให้แต่สิ่งที่ดีจริงๆมากกว่า ลองคิดดูหากเราสามารถให้อัลลอฮ์กลับคืนด้วยการให้อาหารหรือสิ่งของต่ออัลลอฮ์ผ่านความเมตตาสู่บุคคลและสัตว์อื่นที่อัลลอฮ์ทรงสร้าง เราให้อัลลอฮ์ไม่ได้ให้เค้าหรือใคร พวกเขาเป็นเพียงตัวรับ เป็นเพียงเครื่องมือที่ให้เราสื่อสารความเมตตากับอัลลอฮ์ เราจะมอบสิ่งที่ไร้ค่าให้พวกเขาได้กระนั้นหรือ ว่ามั้ย.. 

ความเมตตาคือภาษาของอัลลอฮ์ 

หากเราปรารถนาที่จะสื่อสารกับพระองค์ก็มีแต่ความเมตตาเท่านั้นที่เราจะสามารถรับรู้ถึงวัจนะของพระองค์ผ่านหัวใจของเรา อินชาอัลลอฮ์ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราเองจะเลิกยึดตัวบุคคลสัตว์หรือสิ่งของไปโดยปริยาย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีแก่นสารอันใดในหัวใจเรา เพราะใจของเราวางเอาไว้แล้วที่อัลลอฮ์ แม้ในรูปธรรมหรือนามธรรมก็ตาม

....แปลกใจมั้ยทำไมบางที เวลาเราทำอะไร วางแผนอะไรแล้วมันถูกทำให้คลาดเคลื่อน หรือไม่ก็ทำแล้วยังไม่สำเร็จ บางทีถ้าเรามองดูจริงๆ สิ่งที่ผิดพลาดกำลังบอกทางเรา ให้เรารู้ว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่มันยังไม่ใช่ หรือบางอย่างมันไม่ถูกที่ถูกเวลา อย่างการขายคุกกี้ บางทีการขายที่เชียงใหม่กับขายที่ต่างประเทศ เราอาจขายได้ต่างกันลิบลับ เราก็ไม่รู้ รู้แต่ข้างในยังปรารถนาที่จะทำ แต่เพียงแต่รอจังหวะเวลา สถานที่ที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

....มีนักกวีกล่าวว่า 

เมื่อฉันถอยในการเผชิญชีวิต ฉันพบว่าไม่มีชีวิต(ที่ดี)สำหรับฉันเท่ากับการที่ฉันเดินหน้า

โดยปกติชีวิตก็ไม่มีเวลาให้เดินถอยหลังอยู่แล้ว ถึงหยุดเดินก็ถูกรุนหลังให้เดินหน้าไปเรื่อยๆ จนหมดเวลาของชีวิตอยู่แล้ว มนุษย์ถึงต้องควรที่จะใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะให้สงบสุขกับตนเองที่สุด และเจือจารความสุขนี้ไปสู่ผู้คนรอบข้างที่มีความสัมพันธ์กับเรา เริ่มแต่ใกล้ชิดก่อน เริ่มแต่บททดสอบที่อยู่เบื้องหน้าก่อน คือสามีภรรยาและลูกๆ ต่อไปก็เป็นพ่อแม่ พี่น้อง ญาติผู้ใหญ่และญาติผู้น้อย แล้วจึงค่อยขยายตัวไปถึงเพื่อนบ้านและมิตรสหาย 

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราเห็นความสำคัญของตนเอง มิใช่เห็นแก่ตัว แต่เห็นความสำคัญของการได้รับชีวิต และเห็นชีวิตของตนเองมีค่าควรแก่การมอบสิ่งที่ดีงามที่สุดให้ คือการวางจิตวิญญาณ การกระทำ คำพูดและความคิดไว้ในครรลองแห่งความดี เป็นผู้ดำรงหัวใจที่ทรงคุณธรรม มีมารยาทที่ดีงามแห่งอิสลาม ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและให้เกียรติผู้อื่น ให้พื้นที่แก่ผู้อื่นเมื่อยามเขาทำผิด แต่ไม่ปล่อยปละละเลยให้ทำผิดเรื่อยไปด้วยการตักเตือนหากทำได้ เพราะการที่ปล่อยให้เขาทำผิดไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้เขาอธรรมต่อตัวของเขาเองที่วางตนเองไว้บนเขตแห่งการลงไปสู่โลกที่ชั่ว หากตักเตือนแล้วจนเห็นว่าเกินเลย ก็จงมอบหมายเขาต่ออัลลอฮ์ และนิ่งเฉยเสีย ก็จะเป็นการดีที่จะคงรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้ อิสลามไม่สนับสนุนในทุกหนทางที่จะมีการขัดแย้ง ที่นำไปสู่การบาดหมาง

....เรามองเห็นว่า เราควรเต็มอิ่มและให้คุณค่าที่สมบูรณ์พร้อมแก่ตัวเองก่อน รู้สึกว่ามนุษย์จะถูกลดคุณค่าด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งมาแต่เยาว์วัย ที่เป็นรากฐานบางอย่างที่ขับเคลื่อนชีวิตให้ล้มเหลวในสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีก และเขาจะทำมันซ้ำๆ โดยแค่เปลี่ยนตัวแสดงแต่บทเหมือนเดิมจนกว่าเขาจะเข้าใจว่าเขาควรปรับปรุงตัวตรงจุดไหน และตัดใจวางมันลงเหนือกว่าความต้องการของตัวเอง เพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ไป การลดคุณค่านี้จะแตกต่างเหตุการณ์กันไป แต่มันมีจุดประสงค์ที่จะฝังรากลึกลงไปในจิตใต้สำนึก หรือตัวเมนูหลักของระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนชีวิตมนุษย์ จนถึงจุดๆหนึ่งที่คนๆนั้นเต็มอิ่มกับบาดแผล เขาจะเริ่มตระหนักและหันมาใส่ใจตนเองอย่างแท้จริงที่จะมองว่าตัวเองต้องแก้ไขอะไรบางอย่างเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และเขาก็จะเริ่มค้นหาและหนทางก็จะเปิดแก่เขา เพื่อให้เขาได้ขับเคลื่อนตัวเองไปเพื่อผ่านบททดสอบ และเพื่อเลื่อนระดับตัวเองไปสู่อีกบททดสอบหนึ่งที่จะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นๆ จนสะอาดเพียงพอที่จะได้รับของขวัญที่เป็นความสุขของตนเองอย่างแท้จริง 

อินชาอัลลอฮ์

การเลือกคนที่ใช่



....รู้ให้ได้ก่อนว่า คุณเป็นใครและเข้ากับคนแบบไหนได้ มองจากคนที่เราคบผ่านมา การหว่านเสน่ห์ไม่เลือกหน้า เป็นการสั่งสมการห่างไกลจากรักแท้ เลือกคนที่ทำให้ใจเรานิ่ง อย่าเลือกคนที่ทำให้เราใจกระเจิงเพราะความฟุ้งยิ่งทำให้เราเลือกมาอย่างใร้สติ 

อย่างนี้นี่เองที่ตัวในของเราไม่หว่านเสน่ห์ไปเรื่อย ไม่สิ ปกปิดเราจากการหว่านเสน่ห์ และเปิดโอกาสให้เพียงคนที่ใช่เท่านั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่ดูเหมือนว่า ทำไมมันเลือกคนที่แปลกๆเข้ามานะ

....ความรู้สึกทางใจ คือความผูกพันกันที่ปรารถนาที่จะอยู่ดูแลและรักกันไปเรื่อยๆ การคบคนคือการมีเหตุการณ์ร่วมกันมากพอ หลังจากการปรากฎกายที่ไม่สามารถบอกอะไรได้เลย ต้องมีเหตุการณ์ร่วมกันและตัดสินว่าเรามีใจที่รู้สึกดีกับเหตุการณ์ร่วมกันมั้ย เราจะฉลาดเรื่องความรักจากการมีเหตุการณ์ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งการปรากฎกายคือ การต้องตาต้องใจ..มีแต่จะทำให้คอตกอยู่ในบ่วง 

....เราหว่านกับสามีได้ แต่เค้าไม่ค่อยเท่าไหร่กับเรา เพราะเราอาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเค้า และเค้าก็อาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเราด้วยเช่นกัน เรารักกันเพื่ออัลลอฮ์จริงๆ เพราะเราแทบไม่รู้จักกัน และไม่รู้ว่าจะอยากรู้จักกันจริงๆรึป่าว

....เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คือบททดสอบ และสิ่งที่เราปรารถนาจะรู้ คือเมื่อไหร่มันจะจบบททดสอบ 

....เราไม่ควรหาคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ควรเลือกคนที่เข้ากับเราได้ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีข้อบกพร่อง เพียงแต่พยายามเลือกคนที่ข้อบกพร่องของเขายังเป็นที่ยอมรับได้ของเราที่ไม่เกินลิมิต ที่จะมาลดค่าความเป็นตัวเราลงไป น่าจะดีที่สุด 

...เราเลือก..คนที่พร้อมที่จะเป็นคนรักที่ซื่อสัตย์และภักดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักเดียวใจเดียวและพร้อมที่จะเป็นแฟมมิลี่แมน และเป็นพ่อของลูก เป็นคนอบอุ่น สมาร์ท ฉลาด น่ารัก ยิ้มเก่งและมีเสน่ห์ที่สุดสำหรับเราให้รักเค้าเต็มหัวใจได้ไม่ยากเลย เป็นคนสุขภาพแข็งแรงมีการงานที่มั่นคงและดีงามอย่างมีความสุข เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในการทำอามัลอิบาดะห์ที่ซอและห์ที่จะดำรงริซกีอันเป็นบารอกัตให้เป็นริซกีที่ฮาลาลอันเพียงพอแก่ครอบครัวอย่างผาสุก เรากินดีอยู่ดี มีบ้านที่อบอุ่นที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจเพียงแค่ได้นึกถึงว่าจะได้กลับบ้าน เราเข้ากันได้ดีทุกอย่างและอบที่จะเพิ่มความหวานให้กันเสมอๆด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ อย่างมีอารมณ์ขัน ชอบเล่นสนุกๆด้วยกัน เราเป็นเพื่อนเล่นของกันละกันทั้งพ่อแม่และลูกๆ พวกเราเป็นทุกอย่างของกันและกัน ส่งเสริมกันให้เติบโตอย่างเบิกบาน มีชีวิตที่รื่นรมณ์ ความสุขคือธรรมชาติของครอบครัวเราและเป็นที่ชื่นชมของคนรอบข้างที่ปรารถนาจะเอาเป็นแบบอย่าง เราอยู่ในถิ่นที่อยู่ที่สงบสุขสันติ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่จิตใจดีมีเมตตา และก็เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันเลยที่แสนอบอุ่นก็ว่าได้

....ชีวิตที่ดีต้องมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เบิกบานเสมอๆ และสิ่งที่ดีงามที่สุดคือสามารถหัวเราะกับตัวเองเป็น หาความสุขที่ทำให้เรายิ้มได้อย่างไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอกมากนัก มีหัวใจใสๆเหมือนเด็ก มองโลกในแง่ดี สิ่งดีๆจะถูกดึงดูดเข้ามา เมื่อเรามองความรัก จงมองให้มันสดใส มีรอยยิ้มเมื่อคิดถึง มีความสุขใจเสมอเมื่อมีรักอยู่ในหัวใจ หากเรารู้สึกเศร้าแปลกๆเวลารักหรือคิดถึงใคร ก็ควรจะดูความรู้สึกในหัวใจของเราให้ดีๆ เพราะว่าความรู้สึกที่เรามีปฏิกิริยาต่อเค้านั่นแหละเป็นตัวบอกความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นเวลาที่เราอยู่กับเค้าจริงๆ หากรู้สึกดราม่ามากๆ ก็ควรถามใจตัวเองว่าคิดดีแล้ว และยอมรับสภาพแบบนี้ได้ดีแล้วจริงๆ ใช่มั้ย เรามีชีวิตเดียว ใช้มันอย่างมีค่ากับคนที่เห็นค่า ชอบที่จะเห็นเรามีความสุข แล้วเราจะมีความสุขที่ทำให้เรารู้สึกดีจริงๆ

....การเห็นคุณค่าตัวเองเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะห่างไกลจากการเห็นคุณค่าในตัวเองแล้ว ความสำเร็จในสิ่งต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นให้เห็นในชีวิตค่อนข้างยากถึงแม้จะพยายามมากเท่าไหร่ก็ตามหากตัวเองกลับรู้สึกตัวเองไม่มีค่าพอที่จะกอบกำมันไว้ ตัวเราเองนี่แหละที่จะเป็นคนหันหลังให้ความสำเร็จด้วยตัวของเราเอง อีกอย่างคือการไม่รู้จักความเพียงพอของหัวใจ สองอย่างนี้มีความห่างไกลจากความสุขต่างกันไม่มาก อย่างแรกไม่มีความสุขเพราะไม่เคยไปถึงเพราะหันหลังให้ความสำเร็จ แต่คนที่ไม่พอเพียงกลับได้รับความสำเร็จบ่อยๆ แต่หัวใจที่ไม่พอเพียงกลับขับดันให้พวกเขาเร่งเดินหน้าและไม่รู้รสของความสุขของความสำเร็จนั้นด้วยซ้ำไป สุดท้ายคนสองพวกนี้ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน คือพวกที่ไม่เคยรู้จักความสุขแห่งความสำเร็จที่แท้จริง ถึงแม้จะเป็นความสำเร็จเล็กๆในชีวิตก็ตาม

....เราได้เข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติโดยแท้จริงจากความเข้าใจที่ผ่องแผ้วภายใน เราหลีกหนีความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เราทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันเหมือนเดิมนี้ดีขึ้นเรื่อยๆได้ หากเราไม่สามารถดุอาอ์ให้ชีวิตกลับไปเป็นเหมือนเดิมที่เคยมีความสุขเหมือนตอนนั้น ตอนนี้ได้ แต่เราสามารถดุอาอ์ให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปทุกวันอย่างดียิ่งขึ้นเรื่อยๆได้ไม่ใช่เหรอ ชีวิตมนุษย์เกิดมาเพื่อตาย นี่คือความจริง เรามีแค่ช่วงเวลาคงอยู่ตรงกลางที่จะสร้างอะไรให้แก่จิตวิญญาณชีวิตของตัวเอง 

เรากลับไม่แปลกใจแล้วตอนนี้ ว่าเหตุใดชนยุคเก่าก่อนถึงพรรณนาพระเจ้าว่าเป็นหนึ่งเดียว ให้กำเนิด การเกิดขึ้น การรักษาดำรงอยู่ และการทำลายให้แตกดับสูญขึ้นมาเป็นรูปลักษณ์ ด้วยเดิมแท้พวกเค้าคงแค่ต้องการอธิบายสัจธรรมด้วยรูปธรรมเท่านั้น หากแต่กาลเวลาและหัวใจที่อ่อนแอของมนุษย์กลับแปรเปลี่ยนอรรถาธิบายนี้ไปบนหนทางของความหลงไปเสียสิ้น ศาสตร์ตะวันออกเป็นศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน เข้าถึงแก่นลึกของวิญญาณ ค่อนข้างมุ่งเข้าสู่ภายในมากกว่าภาวะภายนอกเป็นคำสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ 

หากแต่ด้วยความหลงผิดเชื่อตามๆกันมาเป็น หกเจ็ดพันปี ความคลาดเคลื่อนคงจะไม่ใช่แค่บ้าง แต่อาจเหลือความจริงเพียงส่วนน้อยด้วยซ้ำ แต่ความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยสูญหาย คือ พระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว หากแต่มนุษย์ก็ให้ความสำคัญของธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาเทียบเทียมพระองค์ด้วย ซึ่งที่พระองค์ไม่ต้องการให้หัวใจของมนุษย์มีภาคี มิใช่พระองค์ปรารถนาให้มนุษย์เคารพสักการะบูชาพระองค์ เพราะถึงแม้ไม่มีมนุษย์สักคนเดียวบูชาพระองค์ พระองค์ก็ยังคงเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงพลานุภาพมากที่สุดอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลง อัลลาคารีม

หากแต่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระมหาเมตตาเป็นพลานุภาพ พระองค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ตั้งภาคีเนื่องด้วยหากหัวใจมนุษย์แส่ส่ายในการสักการะสิ่งนั้น สิ่งนี้รอบตัว โดยไม่มีศูนย์รวมเพียงหนึ่งเดียว สติและปัญญาของมนุษย์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย สติและปัญญา การรักษาระดับฌานจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ จิตและใจรวมอยู่ที่ศูนย์กลางเพียงหนึ่งเดียว คำว่าไม่มีภาคีร่วม จึงเป็นหนทางที่พระองค์ทรงแนะแนวทางแห่งแสงสว่างโดยแท้ให้แก่มนุษย์ เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าจิตใจของมนุษย์วกวนแส่ส่ายง่ายมากเพียงใด การสักการะสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากพระองค์คือการทำให้ตัวเองหลงทางเข้าสู่นรกได้อย่างง่ายดาย เพราะความหลงทางนี้เองจะเป็นบ่อเกิดแห่งการทำผิดและผิดต่อไปเรื่อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การถอดความ การแปลความจากเมื่อพันสี่ร้อยปีที่แล้ว จนมาถึงวันนี้ ของคัมภีร์กุรอาน ผู้แปลและผู้ถอดความเป็นภาษาอื่นๆ ก็เกิดความคลาดเคลื่อนได้อย่างง่ายดาย ขนาดผู้ที่อ่านออกเขียนได้ในภาษาอาหรับ ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของอัลกุรอานได้อย่างแยบยลเลย จะนับประสาอะไรกับผู้ที่ศึกษาอัลกุรอานจากการถอดความโดยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ด้วยทั้งหมดทั้งมวล มนุษย์แต่ละคนมีรากฐานแห่งการได้รับฮิดายะห์ไม่เหมือนกัน
สิ่งที่สำคัญที่เราได้มองเห็นคือ ทุกคนได้รับฮิดายะห์ที่เหมาะกับตัวเองเสมอ เพียงแต่จะมีหัวใจและสติปัญญาคิดพิจารณาหรือไม่เท่านั้น หากเมื่อดุอาอ์แล้ว ก็จงดุอาอ์ขอสติและปัญญาอันผ่องแผ้วที่จะสามารถเดินตามฮิดายะห์ของพระองค์ได้อย่างง่ายดายและแยบคายด้วยเถิด เพราะนอกจากสติและปัญญาที่พระองค์ทรงให้แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเข้าใจฮิดายะห์ของพระองค์ได้เลย 

หากพระองค์ทรงทำให้เราโง่เขลา ก็ไม่มีผู้ใดทำให้เราฉลาดขึ้นได้ 

ด้วยเช่นนี้ มนุษย์จึงควรดำรงตนอยู่ในครรลองที่ดีงาม หากไกลจากความชั่วที่ทำให้หัวใจเตลิดและหม่นหมอง ทำหัวใจให้บริสุทธิ์เพื่อพระองค์ จงเชื่อเถิดว่าคำสอนใดที่เป็นสิ่งดีงามบนโลกใบนี้ที่มนุษย์สามารถคิดค้นขึ้นมาได้นั้น มาจากพระองค์ทั้งสิ้น และผู้ที่พยายามเปลี่ยนแปลงหันเหความดีงามนี้ออกไปจากหัวใจมนุษย์ให้เข้าสู่ความหลง ก็คือมารร้ายผู้ถูกสาปแช่ง ที่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟริษยา แววตาแห่งความอิจฉา ปรารถนาจะอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเสมอ และต้องการให้ผู้อื่นพินาศก่อนตน หากใครก็ตามมีเชื้อไฟแห่งความหลงนี้เพียงน้อยนิด ก็จงรู้ไว้เถิดว่า หัวใจของสูเจ้าทั้งหลายกำลังถูกทำให้ดับมมดจากแสงสว่างแห่งฮิดายะห์ที่จะนำพาจิตวิญญาณมนุษบ์เข้าสู่ความสุขสันติที่ถูกสร้างมาเพื่อมนุษย์โดยแท้จริงไปแล้ว 

อินชาอัลลอฮ์

ต้นสาย..ปลายเหตุ



คำถามหนึ่ง ตอนนี้เรากำลังต่อสู้เพื่อความสันติสุขที่แท้จริง หรือต่อสู้มาเพื่อมีทุกข์เพิ่มขึ้น

คำตอบที่มองเห็นคือ ชีวิตมันก็ผสมมาทั้งสองแบบ รักที่เป็นทุกข์มันเข้ามา เราเองก็พยายามที่จะต่อสู้และเข้าใจมันให้หัวใจเข้าใจรักแท้ที่เป็นสุข แต่บางทีมันก็ยาก เพราะบางทีสติตามไม่ทัน และปล่อยให้ใจละเมิดเกินขอบเขต เราพยายามบ่ายตัวเองให้วางใจไว้ในสิ่งที่ถูกต้อง อันควร พยายามให้อดีตเป็นมิตรกับปัจจุบัน ไม่ปล่อยให้อดีตกลายเป็นทำร้ายปัจจุบันไป อดีตคือบทเรียนที่ที่จะทำให้ปัจจุบันแข็งแกร่งเพื่อเป็นรากฐานให้กับอนาคตที่มั่นคง
เมื่อคืนเราพยายามใช้กำลังจิต ที่ดำรงด้วยสติ ในการกลับเข้าไปเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและติดค้างในใจเราในความสัมพันธ์ที่ลบเลือนไม่ได้ซักทีของใครคนนั้น 

เราได้มองเห็นว่าเค้าเองและเราเองก็ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เราเคยเห็นนักรบเอ็นเชี่ยนกับเจ้าความงดงามผู้เป็นดวงใจของเขาซักเท่าไหร่ เจ้างดงามมักจะเงียบและไม่รู้จะพูดอะไรแต่นักรบจะแสดงออกด้วยการกอดเต็มอกให้รู้ว่าเค้ารัก รักเสมอแม้มิได้บอกเป็นคำพูด แต่การกระทำของเค้าบอกอย่าชัดเจนว่า...เค้ารัก รักมากด้วย 

ไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงลืมเค้าไม่ได้ เพราะสายใยที่มันโอบล้อมมันมาจากเค้าด้วย ไม่ได้มาจากแค่เราคิดไปเอง อย่างนึงที่เรารับรู้ในกระแสจิต เราจะไม่คิดถึงใครถ้าใครคนนั้นไม่คิดถึงเราตอบด้วย นั่นหมายถึง ไม่ว่าใครจะเป็นคนเริ่มคิดถึงก่อน แต่เราสามารถรับรู้ได้ว่าจะมีกระแสตอบรับกันในความคำนึงหาเสมอ เหมือนพ่อคิดถึงเรา เราก็รับรู้ได้ว่าเค้าต้องการอะไร สามีคิดนั่นนี่ อยากกินนั่น ไม่อยากกินนี่ ชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้ซึ่งเราก็รู้สึกได้เสมอ 

อินชาอัลลอฮ์ 

ก็ไม่ต่างอะไรกันที่เราจะรับรู้และรู้สึกจากการคิดถึงเค้าและเค้าคนนั้นจะคิดถึงเรา เพียงแต่เราปิดกั้นตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านว่าเค้าก็คิดถึงเราไปเอง เพราะไม่ต้องการหวัง เพราะไม่อยากผิดหวัง แต่พอวันที่เปิดใจ วางใจและทำใจโดยแท้จริง หัวใจเราก็เปิดและยอมรับว่าเค้าเองก็รักและคิดถึงเราไม่ได้น้อยไปกว่าที่เราก็รักและคิดถึงเค้าเลย หากนี่คือริสกีมันก็จะไม่มีการตีคืนกลับมาเป็นการชดใช้ที่เหมือนกัน..เกิดขึ้น 

อินชาอัลลอฮ์ 

เพราะเราทำดีที่สุดเท่าที่เราทำได้แล้ว อดทนในสิ่งที่อดทนได้ยาก และมีความรักของเค้าเท่านั้นที่ยังหล่อเลี้ยงให้เราได้ยืนอย่างมีกำลัง ยังมีหัวใจที่มีสุข แม้มิได้พบอีกก็ยังมีความรักยังวนเวียนให้ได้ชื่นใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว จะว่าไปการที่ยั้งใจไว้จากเค้าก็เป็นการทำอิบาดะห์อย่างนึงนะ เพราะเรายั้งใจไว้จากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม เพื่ออัลลอฮ์ สละละวางใจตนเพื่ออัลลอฮ์ อินชาอัลลอฮ์ ขออัลลอฮ์ตอบแทนความดีงามนี้ด้วยริสกีที่ทำให้เราเป็นสุขเสมอด้วยเถิด

อามีน

อัลฮัมดุลิลลา เมื่อเราเปิดใจและฟังเสียงหัวใจตัวเองอย่างแท้จริงโดยไม่ปิดกั้น เรากลับพบว่า เค้าเป็นในสิ่งที่เราก็เคยเป็น และเราก็เหมาะควรที่จะได้รับ เห็นได้อย่างนึงว่า ในวันนี้เราเรียนรู้ที่จะให้คุณค่าตัวเอง มองตัวเองอย่างเปี่ยมสุข ไม่กดตัวเองด้วยความด้อยค่าอีกต่อไป เราก็ได้รับริสกีคือได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่งดงาม เป็นเจ้างดงามของนักรบผู้กล้าผู้นั้นโดยแท้จริง นี่คืออานุภาพของการอมรับและแก้ไขอดีตด้วยความเข้าใจและเปิดใจรับตัวตนของตนที่มีคุณค่าที่แท้จริงนี่เอง อัลฮัมดุลิลลา อินชาอัลลอฮ์ คียร์

เราถามคำถามแรกว่า เค้าชอบเรามั้ย คำตอบที่รู้สึก คือมันคือมากกว่าชอบ หัวใจมันรู้สึกว่าใช่ เห็นแล้วรักเลย ไม่มีเหตุผล รู้ว่าต้องกอด รู้ว่านี่คือของๆเค้าโดยเต็มเปี่ยมและเป็นของๆเค้าตลอดไป และเราก็เห็นภาพของนักรบที่มองจ้องเจ้างดงามตาไม่กระพริบ รู้อย่างเดียวว่านี่คือเจ้าความงดงามแห่งชีวิตของเค้า และจะเป็นของเค้าตลอดไป เรามองเห็นสายตาที่เรามองเค้า มันเหม่อลอยเหมือนไม่รู้จัก เหมือนสายตาของเจ้างดงามคนนั้นไม่มีผิด หัวใจนักรบเอ่ยผ่านใจเราให้รับรู้ถึงความรู้สึกของเค้า..

..ดวงตาสีเทาประกายงดงามของเจ้ากลืนกินหัวใจของข้าไปจนหมดสิ้น กลีบปากบางใสนั้นก็ดูดกลืนจิตวิญญาณของข้าให้เป็นของเจ้าชั่วนิรันดร์ เจ้าความงดงามของข้า เจ้าผู้เป็นดวงใจของข้า..

เราเห็นภาพเฟสชอบกอดเรา เค้าอบอุ่นและเต็มอิ่มที่ได้กอดเราไว้เต็มอก เค้ากกกอดเราไว้ด้วยความรักและแรงปรารถนา แต่ตัวเองเสียอีกที่กลับไม่รู้สึกอะไร จนเรากลับคิดว่า เค้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรา เพราะเราไม่รู้สึกอะไร เรานั่งตักเค้า ขาเค้าสั่น จะเป็นเหมือนที่เราเห็นแพทแล้วเราเข่าอ่อนมั้ยนะ ขามันไม่มีแรงเอาซะเฉยๆ หากเค้าคือปฏิกิริยาโต้ตอบที่เรามีให้แพทและเราก็ได้รับกลับคืน และสามีของเราก็เป็นกิริยาโต้ตอบที่เราได้รับกลับคืนจากเฟส ถ้าเช่นนั้น มันหมายความว่า ถ้าเรามีใครอีกคนที่รอเราอยู่ ณ เวลาข้างหน้าก็จะเป็นกิริยาโต้ตอบอีกหยั่งงั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็หมายความว่าชีวิตในอนาคตกำหนดได้ด้วยปัจจุบัน เราปรารถนาชีวิตแบบไหนก็ทำซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่บางสิ่งที่เป็นปฏิกิริยาออโต้ที่เกินการควบคุม ก็ให้รับรู้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่เรากำหนดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นเราเองก็ต้องเตือนตัวเองว่า หากเวลานั้นมาถึงของใครคนหนึ่ง เราควรที่จะบอกเค้าในความรู้สึก และให้ความเชื่อมั่นกับเค้าว่าเค้าจะเป็นหนึ่งเดียวของเค้า และจะไม่ปล่อยให้เค้าคิดเองเออเองจนเป็นการทำลายความรักที่บริสุทธิ์ของเค้าที่เป็นริสกีของเราโดยแท้จริง อินชาอัลลอฮ์ หากเรายังมีหัวใจเหลือพอที่จะทำมันนะ

มาต่อกันที่เฟส เราเห็นภาพที่เค้าไม่มาหาเรา..ทั้งที่รับปากแล้วว่าจะมาในคืนนั้น เป็นภาพของเค้ามายืนที่หน้าประตูห้องของเราและชั่งใจที่จะเคาะหรือไม่เคาะ เค้าได้ตระหนักแล้วว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน เพราะเค้าถามเราในวันถัดมาว่า ทำไมถึงเลือกเค้า ทำไมถึงเป็นเค้าที่เราเลือก เราตอบกลับไปง่ายๆสั้นๆ แล้วทำไมต้องเป็นคนอื่นล่ะ.. ก็เพราะเป็นเค้า เราถึงมา 

เพราะเค้า..เท่านั้น 

เค้าก็ถึงอึ้งไปเหมือนกัน อาจเพราะด้วยเหตุนี้ที่เค้าไม่ยอมมาหาเราเพราะเค้ารู้ว่าเค้าต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และถ้าเค้าเข้ามา และให้เราอยู่ในอ้อมกอดเค้า แน่นอนว่าเค้าจะไม่ยอมปล่อยให้เราหลุดมือไปเป็นของใครแน่ๆ และเค้าก็ไม่ปรารถนาที่จะทำให้เราเจ็บปวดด้วยการที่เค้าต้องมีคนอื่นและเราด้วย 
เค้าไม่ต้องการทำร้ายเรา นั่นคือสิ่งที่เค้าตั้งใจ เราบอกเค้า Kiss me.. ในเราวันที่ต้องลาจาก เค้าจูบเราแต่เราไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เค้าเองกลับรู้สึกและต้องข่มใจนับหนึ่งถึงสิบบอกตัวเองเป็นภาษาอาหรับฟังไม่รู้เรื่องแต่รู้ว่าเค้ากำลังข่มใจตัวเอง และเค้าก็กอดเราเป็นครั้งสุดท้ายแน่นมากและยกตัวเราจนลอยเต็มกอดเค้า เพื่อลาและไม่พบกันอีกแล้ว อย่างนึงที่เราได้คำตอบหลังจากนั้นที่เราเชื่อได้ว่าเค้าพูดจริง...เค้าไม่ต้องการให้มันเกินเลยไปจนถึงรัก เพราะใจมันรักตั้งแต่แรกเห็น 

ที่เค้าหมายความ คือ ไม่อยากให้ใจรักไปมากกว่านี้ เพราะเพียงเท่านี้ก็เกินเลยกว่าที่คาดไว้แล้ว เค้าไม่ได้ตั้งใจมาเจอคนที่ใช่ขนาดนี้ 

เค้ารู้ว่ามันมีแรงดึงดูด แต่มันไม่ควรที่จะต้องตาต้องใจขนาดนี้ เพราะสายตาสีเทาที่สะกดเค้า เพราะเค้าอึ้งไปเลยเมื่อเห็นนัยตาเรา ไม่รู้ว่าอึ้งอะไร เราได้ยินแค่ว่า  

โอ้...ตาเธอ!!

แล้วเค้าก็เดินหนีไป แล้วกลับมาใหม่พร้อมกับเพื่อนๆ เราว่ามันคงต้องมีอะไรเกี่ยวกับสีตานี่แน่ๆ อาจเป็นการกระทบกันของห้วงเวลาที่นักรบก็สบตาสีเทาอ่อนของเจ้างดงาม แล้วก็หลงใหลรักเข้าเต็มวิญญาณ อาจเป็นสิ่งเดียวกันนำมาฉายซ้ำ เพียงแต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ที่มาที่ไปเท่านั้นเอง แต่ก็ได้มารู้ตอนหลัง มันค่อยๆรู้ ทุกอย่างมาทีละขั้นตอน ปลดทีละล๊อคๆ 

สองปีเกือบครึ่งแล้วที่เราเคล้าวิญญาณกันและกัน สองวันที่ได้เจอ ติดตราตรึงใจมาได้นานขนาดนี้ มันไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ เพราะปกติเราเองเป็นคนลืมง่ายจะตาย มีเรื่องนิดหน่อยก็ตัดใจทิ้งวางไม่สนใจใยดีง่ายๆ สบายๆเลย 
แต่เค้าดัดหลังเราได้ถึงใจมาก ไม่ทำให้ช้ำใจแต่ทำให้รัก และปล่อยให้ไกลกันโดยไม่เอ่ยเหตุผล เค้าทำแบบที่สามีเราเองก็ทำกับคนอื่นที่ผ่านมา แต่เราไม่เคยทำนะ มีแต่คนทำเราแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็คุยและจบกันด้วยดีทุกคน คุยกันให้รู้เรื่อง เอาให้จบไม่ค้างคาไม่ทำร้ายกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในเมื่อเราไม่เคยทำใครแบบนี้เลยแต่ต้องมาโดนแบบนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือว่าอาจเคยทำ..แต่ลืมไปแล้ว ก็ไม่รู้เนาะ..

หรือไม่..ก็อาจจะกำลังบอกเราว่าอย่าทำแบบนี้กับใครต่อไปในอนาคตมั๊งนะ เพราะมันจะเจ็บปวดและไม่จบง่ายๆแบบที่เป็นอยู่ หรืออีกอย่างสายใยที่เค้ามีให้เรามันอาจมีอะไรซักอย่างที่ต้องมีกันและกันเพื่อเหตุและผลอะไรซักอย่าง 

อินชาอัลลอฮ์ 

อัลฮัมดุลิลลา ที่เราไม่ได้มีอะไรกัน และไม่เข้าใจตัวเอง.. ทั้งๆที่เราเป็นคนหวงตัวมาก แต่ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร.. ที่ไม่มีความหวงตัวเหลือแม้แต่น้อยกับผู้ชายคนนี้ เหมือนเรา..ไม่ใช่ตัวเรา เหมือนเรา..เป็นของเค้าโดยชอบธรรมอยู่แล้ว แค่ย่างเท้าออกจากบ้าน กล้าไปหาเจอเค้า หลังจากตอบปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยไปนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม สุดท้าย..ก็ไป 

อะไรนะ..ที่ทำให้คนติดบ้าน อยู่แต่บ้าน ทำแต่งาน อ่านแต่หนังสือ เล่นแต่คอมพิวเตอร์..ถูกแซะออกไปนอกบ้านได้

อะไรนะ..ที่ทำให้คนกลัวการผูกมัด แถมแอนตี้การมาเจอกันจากการคุยทางอินเตอร์เนท กลับต้องถูกทำให้ออกจากบ้าน..เพราะผู้ชายคนนี้

และที่สำคัญที่สุด.. เป็นการออกบ้าน ออกไปครั้งเดียวที่นำความทรงจำและการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิตเรา..อย่างที่ไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก เพราะหลังจากนั้น..เรารับอิสลาม..เอง เพราะเค้าเป็นตัวตั้ง..และอัลลอฮ์ประทานสามีมาเป็นตัวสอนและต่อเติมสิ่งที่เค้าได้เริ่มไว้ นี่แหละที่เค้าเรียก..อินชาอัลลอฮ์ เมื่อเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮ์

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก..มากเกินไป เราไม่กลัวเค้า เหมือนเราสองคนรู้จักกันมาแสนนาน คุ้นเคยกันมากจนแทบจับต้องได้ มันเป็นธรรมชาติมาก ได้เข้าใจความหมายของ..คู่แท้ ที่อ่านในหนังสือมา ก็วันนั้นที่ได้เจอเค้าแหละ ไม่มีคำนิยาม มัน..รู้สึก..ล้วนๆ บริสุทธิ์มาก มาชาอัลลอฮ์ 

อีกสาเหตุที่ทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็น่าจะเป็นคนที่เราฝันเห็นด้วยนะ..เราว่า ญินนั้นน่ะ..หวงได้อีก ใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก แต่ก็อยากรู้นะว่าเจ้าชายญินคนนั้นคือใคร อยากรู้จัง กอรีนเค้าเหรอ หรือของใคร น้องแพรพูดถึงเค้าก็ปวดหลังมาก สามีพูดถึงเค้าก็ปวดหัวมากกระทันหัน แต่เราพูดถึงเค้า อัลฮัมดุลิลลา กลับไม่เป็นอะไร เค้ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้กันแน่ เพราะคนที่มาห้ามก็คนนี้ ที่ทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็คนนี้...

ไม่ได้ คบกับคนนี้ไม่ได้.. 

เค้าหมายถึงใคร..คนนี้น่ะ...เฟสหรือเรา แล้วยังพูดอีกว่า...

ไม่ต้องมาทำหน้าน่ารัก ไม่ได้ก็คือไม่ได้

 แล้วเราก็เห็นกอรีนเฟสนั่งคอตกเลย และยอมรับแต่โดยดี เชื่อฟัง และเท่าที่เรารับรู้...ผู้ชายชุดขาวหล่อเหลาผิวขาวใส่หมวกอิสลาม คืออ เจ้าชาย ... ใครน๊า...มะลักอี๊ ... อาจใช่ มะลักมีเจ้าชายด้วยเหรอ แปลกจัง

หลังจากนั้น ตอนเรากลับมาถึงบ้าน เราก็ฝันเห็นตัวเองตกมัสยิดมีขาวหลังใหญ่มาก เกือบร่วง ดีที่พ่อมาช่วยไว้ทัน ด้วยสีหน้าเบื่อโลกที่สุด แต่อยากรู้นะ ผู้ชายอิสลามชุดขาวนั่นคือใคร..ฝั่งใคร เขาหรือเรา

น่าจะเป็นเขา เพราะเห็นน้องแพรบอกว่าคนดูแลเค้าดุ คุมแจเลย หรือเพราะเค้าเห็นว่า เราก็มีคนของเราคอยดูแลอยู่แล้ว เลยไม่อยากให้คนในปกครองต้องเข้ามายุ่ง เพราะไม่อยากให้เข้ามาร่วมชะตากรรมเดียวกับเรา หรือไม่ก็ไม่อยากมีเรื่องโดยเสียเวลาและเสียกำลังเปล่าๆ ... เฮ้อ..จะเป็นอะไรก็ช่าง เอาเป็นว่า ไม่ได้ก็คือไม่ได้....แต่ก็ไม่เข้าใจ

...ไม่ได้แล้วทำไมสายใยของเรายังมีให้กันอีกล่ะ ไม่อยากให้ยุ่ง ทำไมไม่ตัดไปเลย เค้าทำได้ เราเชื่อเต็มหัวใจ แต่ด้วยเหตุผลอะไรที่ไม่ทำ เพราะขนาดเราสูญูดของอัลลอฮ์ให้เราลืมเค้า วางเค้า แต่มันก็ไม่ได้ผล ทุกครั้งที่เราวางลงจริงๆ พยายาทำความเข้าใจจริงๆ กลับกลายเป็นเราได้รับรู้อะไรเพิ่มขึ้นว่าเค้ารักเรามากแค่ไหน และสายใยรักของเรามันมีมากขึ้นด้วยซ้ำไป 

ทุกอย่างเกิดขึ้น มีเหตุผลในตัวมันเองเสมอ ถ้ามันยังไม่จบก็แสดงว่ามันยังมีอะไรต่ออีกจากนี้ มันมีจุดจบของมันที่เราจะได้เห็นมันในเวลาที่เหมาะสมที่เราสามารถเคลียร์ตัวเองได้ทั้งเราและเค้า แถมยังไม่พอฝันถึงอีกต่างหาก แล้วจะลืมลงไงไหวเนี่..เฮ้อ เวรกรรม

เราแปลกใจตัวเองอยู่อย่างนึง เราไม่ชอบให้ใครมานอนด้านขวาของเรา เหมือนเรากันที่นี้เอาไว้ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของใครบางคน หมายถึงนอนกอดเราจากด้านขวา เพราะในวันนั้น เค้าคือคนที่กอดเรา และเราก็ไม่ต้องการให้ใครมารื้อมันอีก ไม่อยากให้มีพื้นที่ทับซ้อนในความรู้สึก ทุกคนควรมีพื้นที่ที่ว่างที่ให้ตัวเองได้พักผ่อนกับตัวเอง มีความสุขที่ได้อยู่กับตัวเอง ได้รับรู้ถึงความรู้สึกสมบูรณ์ในตัวเอง

อย่างนึงเรารู้สึกได้ สามีเราไม่ค่อยนอนกอดเราหลับเท่าไหร่ แต่พอคิดถึงว่ากับเค้าคนนั้น..กลับมีความรักความรู้สึกที่สามารถกอดก่ายกันหลับใหลในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเป็นสุขได้โดยเป็นสายใยธรรมชาติมาก อินชาอัลลอฮ์ 

อย่างว่านะ บททดสอบไง ถ้ามาแบบลงตัว..จะเป็นบททดสอบได้ไง สิ่งที่ลงตัวเค้าเรียก ริซกีเป็นรางวัล เรารับรู้ได้ว่าเรื่องของเราไม่จบแค่นี้หรอก มันยังมีตอนต่อไป อินชาอัลลอฮ์ เรื่องนี้มันมีตอนจบ เรื่องนี้มีเรื่องให้ได้เรียนรู้อีกมาก และเราสองคนต้องเรียนรู้อะไรอีกมากที่จะต้องปรับตัวให้เป็นคนที่สมบูรณ์เพื่ออัลลอฮ์ อินชาอัลลอฮ์

เราไม่ปรารถนาให้ชีวิตติดกับดักของความรัก แต่ปรารถนาที่จะใช้ความรักเป็นสื่อที่จะนำพาหัวใจสองดวง วิญญาณสองดวงได้สนับสนุนกันทำในสิ่งที่ดีงาม มีความสุขสมบูณ์เพื่อกลับคืนสู่อัลลอฮ์ แสงสว่างแห่งดวงวิญญาณทั้งปวง ที่ที่วิญญาณทั้งหลายต้องคืนสู่ เพราะวิญญาณมาจากอัลลอฮ์ วิญญาณสุดท้ายก็ต้องคืนสู่อัลลอฮ์วันยังค่ำ หากทุกสิ่งคือภาพลวงตาที่จับต้องได้ เมื่อหมดลงทุกสิ่ง มันก็กลับคืนสู่..สุญญตา กลับคืนสู่พระองค์ผู้เริ่มต้น และเป็นผู้สิ้นสุด

อินชาอัลลอฮ์