วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำถามกับตัวเอง



เคยถามตัวเองบ้างไหม..

เมื่อไรที่เรารู้สึกเป็นสุขที่ได้เป็นตัวเอง..

บางครั้งจิตวิญญาณของคนเราก้อได้รับทางนำเมื่อหัวใจถูกปล่อยวาง
มีใครบางคนเคยสอนฉันว่า หากปรารถนาจะเข้าสู่ความจริง จงหยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด เพราะมนุษย์ เมื่อทำสามสิ่งนี้เพิ่มมากขึ้นเท่าใด ก้อจะห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น

พระพุทธเจ้า คือ ตัวแทนในหน้าแผ่นดินของพระผู้สร้าง ในด้านปัญญา และเมตตาแบบเป็นอิสระจากสิ่งยึดเหนี่ยวใดๆ

พระศิวะ คือ ตัวแทนของการอดทนในการบำเพ็ญเพียร มีความพยายามและความอดทน ความสมถะ
 พอใจเพียงสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น

พระเยซู คือ ตัวแทนของความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์

อิสลาม คือ กรอบ ระเบียบแบบแผน การปฏิบัติที่ยังให้มนุษย์เดินตามอย่างสะดวกและง่ายดายที่เข้าสู่ความดีงามอันสถาพร ที่ไม่เกินความสามารถของมนุษย์จะทำได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ใด และเป็นกรอบระเบียบแบบแผนที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หลังจากยุคครึ่งความดีได้สูญสิ้นไปจนถึง กิยามะห์ วันแห่งการไต่สวน

ดูจากทั้ง ๔ ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของพระผู้สร้าง ก้อเห็นได้ชัดเจนถึง การลงมือทำด้วยตัวเอง คือสิ่งที่เป็นเป้าประสงค์ การปล่อยวาง ความเมตตาต่อสรรพสิ่ง การให้อภัย การทำหัวใจให้บริสุทธิ์จากมลทินบาป กิเลสที่เนืองนอง ที่ถูกขีดเขียนมาให้ต่อสู้เพื่อเอาชนะ ไม่มีสิ่งอื่นใดที่พระผู้สร้างให้เราสู้มากไปกว่าการสู้กับนัฟซู(ความทะยานอยาก)ของตนเอง  อีกอย่าง หัวใจควรรับรู้ไว้ว่า ไม่มีใครจะได้อะไรไปซะทั้งหมดที่ต้องการหรอก แต่เราจะได้ในสิ่งที่เหามะสมกับเราที่สุด ในทุกๆเวลา ทุกเหตุการณ์จะเหมาะสมลงตัวเมื่อเราวางใจไว้ใน อินชาอัลลอฮ์เคียร์
ไม่มีสิ่งใดที่เราควรต้องการมากไปกว่าสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เพราะนาทีนี้ดีที่สุดแล้ว เราไม่ควรทำอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว เพราะไม่มีอะไรเป็นที่พอใจมากไปกว่าสิ่งที่เรามีอยู่

อย่าเอาความสำเร็จมาเบียดเบียนสิ่งที่เราชอบที่จะทำ จงทำในสิ่งที่ชอบด้วยบวกกับความสำเร็จด้วย กลายเป็นเป้าหมายที่ยืดหยุ่นได้

การมีทัศนคติที่ชัดเจน ยิ่งชัดเจนยิ่งดี เรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งสำคัญมาก จงทำงานตามสัญชาตญาณ บางทีก้อต้องปล่อยให้ชีวิตไหลไปเพื่อพบเจอกับสิ่งใหม่ๆ ความคิดที่ดีจะมาตอนเราสบายใจ จากหัวใจที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่าย

หัวใจอันอ่อนละมุนที่มีความสุขที่เต็มอิ่มแล้ว เมื่อหัวใจเต็มอิ่มแล้วก้อไม่มีความจำเป็นที่จะขาดแคลนสิ่งใดอีก หัวใจที่พอเพียงจะดึงดูดสิ่งที่อิ่มพอเสมอเหมือนกันเข้ามาเอง หัวใจที่สมบูรณ์เต็มอิ่มจะดึงดูดความเต็มอิ่มเข้ามาอย่างง่ายดาย ความขาดแคลนไม่เคยให้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่ขาดแคลนหมือนกัน เราจงดีใจและมีความสุขที่เราเป็นความรักของใครบางคนหมดหัวใจ

มนุษย์มีวิธีระบายทุกข์ที่ต่างกัน เหนือสิ่งอื่นใดอย่าลืมที่จะรักตัวเอง ไม่ว่าจะรักคนอื่นมากเท่าไหร่ ก้ออย่าหลงลืมว่าหากไร้เราเอง จะเหลือความรักที่ไหนเอาไว้รักคนอื่น ตัวเองควรดูแลตัวเองให้ดีก่อน ถึงค่อยหันไปสนใจใส่ใจกับการดูแลคนอื่น

เค้าว่ากันว่า ถ้าหัวใจคนเรามันถูกวางผิดที่สุดท้ายแล้วยังงัยๆมันก้อจะเรียกร้องกลับไปหาเจ้าของของมันจนได้ หัวใจมีเสียงเรียกร้องของตัวเองให้กลับไปหาที่ที่เป็นของมันถูกเสมอ

คำสอนหนึ่งของอิสลามที่น่าชื่นชม ผู้หญิงและผู้ชายผู้เป็นมุสลิมโดยแท้จริง ถูกอนุญาตให้มองเพศตรงข้ามได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนครั้งต่อไปถือว่ามลทินบาปได้ก่อขึ้นในหัวใจซึ่งจะเป็นเหตุให้หัวใจอ่อนแอและเริ่มเดินตามนัฟซูแล้ว..

จะรู้สึกดีแค่ไหนนะ ถ้าวันนึงได้เจอคนแบบนี้ ด้วยหัวใจของเราที่เต็มเปี่ยมด้วยปรารถนาที่ว่า..

เราปรารถนาใครคนหนึ่งที่สง่างาม เป็นที่ชื่นตาชื่นใจที่ได้พบเห็น และเค้าก้อตื่นตะลึงที่ได้พบเจอเรา เราปรารถนาความรู้สึกและคำกล่าวที่ว่า หากสายตาได้รับอนุญาตให้มองได้เพียงครั้งเดียวเมื่อแรกพบ ผมก้อปรารถนาที่จะมีคุณอยู่ในสายตาของผมเช่นนี้ตลอดไป เพราะผมจะไม่มีวันละสายตาไปจากคุณได้ ผมรู้เพียงแค่ปรารถนาจะโอบอุ้มภาพที่งดงามตรงหน้าไว้ให้นานที่สุด ชั่วนิรันดร์ เท่าที่ผมจะสามารถเก็บมันไว้ได้..

งดงามนะ..ว่ามั้ย

หากเราสามารถบอกตัวเองได้ถึงความต้องการที่แท้จริง และความปรารถนาใดที่ขับเคลื่อนชีวิตเราได้แรงที่สุด เราก้อจะได้พบเจอตัวตนของตัวเองได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

ก่อนอื่นต้องหันกลับมาดูตัวเอง ว่ามีนัฟซู(นิสัยหรือขันธสันดาน)เช่นไร ออโต้ที่ตอบโต้กลับต่อสถานการณ์ต่างๆเป็นเช่นไร ไปในทิศทางไหน ชอบสิ่งไหน หลงใหลสิ่งใด หลีกห่างสิ่งใด ขี้เกียจกับการทำอะไร แพ้ทางกับอะไร สู้กับสถานการณ์ไหน หนทางที่นำชีวิต ดูได้จากสิ่งที่ค้นคว้าสนใจทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ลองตอบคำถามเพียงเริ่มเท่านี้ เราจะเริ่มมองเห็นหนทางที่ตัวเองเป็นและใช้ชีวิต และค่อยปรับเปลี่ยนสิ่งที่เราปรารถนาที่จะเห็นตัวเองเป็น 

คนใหม่”  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น