....เรามองเห็นอีกอย่างนึง
ศาสนาอื่นนอกจากอิสลามไม่มีการชะฮีดนะ พุทธก็มีแต่กล้าเสี่ยงตายเพื่อตัวเอง
ยอมตายในการเดินทางธรรม ยอมตายในสมาธิ หากแต่ไม่มีใครยอมตายเพื่อศาสนา
เพื่อปกป้องศาสนา เห็นแต่ยอมตายเพื่อปกป้องบ้านเมือง
และศาสนาค่อยถูกฟื้นฟูเมื่อบ้านเมืองรอดแล้ว จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อศาสนา แต่เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์
คริสต์กับยิวไม่ต้องพูดถึง เอาแต่ตัวเองอยู่แล้ว ส่วนพราหมณ์ก็แบ่งเราวรรณะ แยกเราดีกว่าสูงกว่า
เธอต่ำกว่า เลิกพูดถึงศาสนาไปเลยเพราะทำไปเพียงเพื่อให้ตัวเองเท่านั้น
น้อยนักที่จะทำเพื่อศาสนามาก่อน ทำสิ่งใดลงไปก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนความศรัทธาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
มีแค่อิสลามที่ตั้งต้นศาสนาไว้เป็นจุดประสงค์ ทำสงครามเพื่อศาสนา
ส่วนบ้านเมืองและผู้คนค่อยฟื้นฟูทีหลัง รากของศาสนามาก่อนความต้องการส่วนบุคคลเสมอ
ดุอาฮ์ของมุอมินอ์ จะขอให้ตนเองเป็นผู้ดำรงศาสนา ขอให้อัลลอฮ์จงรักษาความดีงามเพื่อศาสนาของพระองค์
ขอให้เราอยู่เป็นสุขเพื่อพระองค์ อดทนเพื่อพระองค์ และตายเพื่อพระองค์ อัลลา คารีม
มีตัวเองน้อยจัง ดีงามเนาะ ชอบๆ
....ได้เห็นวันนี้อีกอย่าง
หากเรามองทุกสิ่งที่อยู่อบตัว แม้แต่ตัวเราเองให้เป็นของขวัญของอัลลอฮ์
มันจะกลายเป็นภาวะเหมือนเราหลุดออกมาจากตัวเองเลยนะ หากเรากำลังป้อนอาหารสามี เราก็เห็นว่านี่ไม่ใช่สามีแต่นี่คือของขวัญของอัลลอฮ์
มีอัลลอฮ์อยู่ในนั้น หัวใจเราจะแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากการป้อนอาหารให้สามี
เป็นป้อนอาหารให้อัลลอฮ์ผ่านของขวัญของอัลลอฮ์ หัวใจจะอิ่มเอิบมากกว่า และให้แต่สิ่งที่ดีจริงๆมากกว่า
ลองคิดดูหากเราสามารถให้อัลลอฮ์กลับคืนด้วยการให้อาหารหรือสิ่งของต่ออัลลอฮ์ผ่านความเมตตาสู่บุคคลและสัตว์อื่นที่อัลลอฮ์ทรงสร้าง
เราให้อัลลอฮ์ไม่ได้ให้เค้าหรือใคร พวกเขาเป็นเพียงตัวรับ
เป็นเพียงเครื่องมือที่ให้เราสื่อสารความเมตตากับอัลลอฮ์
เราจะมอบสิ่งที่ไร้ค่าให้พวกเขาได้กระนั้นหรือ ว่ามั้ย..
ความเมตตาคือภาษาของอัลลอฮ์
หากเราปรารถนาที่จะสื่อสารกับพระองค์ก็มีแต่ความเมตตาเท่านั้นที่เราจะสามารถรับรู้ถึงวัจนะของพระองค์ผ่านหัวใจของเรา
อินชาอัลลอฮ์
เมื่อเป็นเช่นนี้
เราเองจะเลิกยึดตัวบุคคลสัตว์หรือสิ่งของไปโดยปริยาย
เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีแก่นสารอันใดในหัวใจเรา
เพราะใจของเราวางเอาไว้แล้วที่อัลลอฮ์ แม้ในรูปธรรมหรือนามธรรมก็ตาม
....แปลกใจมั้ยทำไมบางที
เวลาเราทำอะไร วางแผนอะไรแล้วมันถูกทำให้คลาดเคลื่อน หรือไม่ก็ทำแล้วยังไม่สำเร็จ
บางทีถ้าเรามองดูจริงๆ สิ่งที่ผิดพลาดกำลังบอกทางเรา ให้เรารู้ว่า
สิ่งที่กำลังทำอยู่มันยังไม่ใช่ หรือบางอย่างมันไม่ถูกที่ถูกเวลา
อย่างการขายคุกกี้ บางทีการขายที่เชียงใหม่กับขายที่ต่างประเทศ
เราอาจขายได้ต่างกันลิบลับ เราก็ไม่รู้ รู้แต่ข้างในยังปรารถนาที่จะทำ
แต่เพียงแต่รอจังหวะเวลา สถานที่ที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
....มีนักกวีกล่าวว่า
“เมื่อฉันถอยในการเผชิญชีวิต
ฉันพบว่าไม่มีชีวิต(ที่ดี)สำหรับฉันเท่ากับการที่ฉันเดินหน้า”
โดยปกติชีวิตก็ไม่มีเวลาให้เดินถอยหลังอยู่แล้ว ถึงหยุดเดินก็ถูกรุนหลังให้เดินหน้าไปเรื่อยๆ
จนหมดเวลาของชีวิตอยู่แล้ว
มนุษย์ถึงต้องควรที่จะใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะให้สงบสุขกับตนเองที่สุด
และเจือจารความสุขนี้ไปสู่ผู้คนรอบข้างที่มีความสัมพันธ์กับเรา
เริ่มแต่ใกล้ชิดก่อน เริ่มแต่บททดสอบที่อยู่เบื้องหน้าก่อน คือสามีภรรยาและลูกๆ
ต่อไปก็เป็นพ่อแม่ พี่น้อง ญาติผู้ใหญ่และญาติผู้น้อย
แล้วจึงค่อยขยายตัวไปถึงเพื่อนบ้านและมิตรสหาย
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราเห็นความสำคัญของตนเอง มิใช่เห็นแก่ตัว
แต่เห็นความสำคัญของการได้รับชีวิต
และเห็นชีวิตของตนเองมีค่าควรแก่การมอบสิ่งที่ดีงามที่สุดให้ คือการวางจิตวิญญาณ
การกระทำ คำพูดและความคิดไว้ในครรลองแห่งความดี เป็นผู้ดำรงหัวใจที่ทรงคุณธรรม
มีมารยาทที่ดีงามแห่งอิสลาม ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและให้เกียรติผู้อื่น
ให้พื้นที่แก่ผู้อื่นเมื่อยามเขาทำผิด
แต่ไม่ปล่อยปละละเลยให้ทำผิดเรื่อยไปด้วยการตักเตือนหากทำได้
เพราะการที่ปล่อยให้เขาทำผิดไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้เขาอธรรมต่อตัวของเขาเองที่วางตนเองไว้บนเขตแห่งการลงไปสู่โลกที่ชั่ว
หากตักเตือนแล้วจนเห็นว่าเกินเลย ก็จงมอบหมายเขาต่ออัลลอฮ์ และนิ่งเฉยเสีย ก็จะเป็นการดีที่จะคงรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้
อิสลามไม่สนับสนุนในทุกหนทางที่จะมีการขัดแย้ง ที่นำไปสู่การบาดหมาง
....เรามองเห็นว่า เราควรเต็มอิ่มและให้คุณค่าที่สมบูรณ์พร้อมแก่ตัวเองก่อน
รู้สึกว่ามนุษย์จะถูกลดคุณค่าด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งมาแต่เยาว์วัย
ที่เป็นรากฐานบางอย่างที่ขับเคลื่อนชีวิตให้ล้มเหลวในสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีก
และเขาจะทำมันซ้ำๆ
โดยแค่เปลี่ยนตัวแสดงแต่บทเหมือนเดิมจนกว่าเขาจะเข้าใจว่าเขาควรปรับปรุงตัวตรงจุดไหน
และตัดใจวางมันลงเหนือกว่าความต้องการของตัวเอง เพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ไป
การลดคุณค่านี้จะแตกต่างเหตุการณ์กันไป
แต่มันมีจุดประสงค์ที่จะฝังรากลึกลงไปในจิตใต้สำนึก หรือตัวเมนูหลักของระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนชีวิตมนุษย์
จนถึงจุดๆหนึ่งที่คนๆนั้นเต็มอิ่มกับบาดแผล
เขาจะเริ่มตระหนักและหันมาใส่ใจตนเองอย่างแท้จริงที่จะมองว่าตัวเองต้องแก้ไขอะไรบางอย่างเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
และเขาก็จะเริ่มค้นหาและหนทางก็จะเปิดแก่เขา
เพื่อให้เขาได้ขับเคลื่อนตัวเองไปเพื่อผ่านบททดสอบ และเพื่อเลื่อนระดับตัวเองไปสู่อีกบททดสอบหนึ่งที่จะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นๆ
จนสะอาดเพียงพอที่จะได้รับของขวัญที่เป็นความสุขของตนเองอย่างแท้จริง
อินชาอัลลอฮ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น