เรามองเห็นชีวิตเป็นสองด้าน ด้านนึงเป็นสิ่งที่เข้ามาเลือกให้เราเดินไปบนเส้นทางนั้น
อีกด้านนึงคือด้านที่เราเลือกที่จะยอมรับและอยู่กับมันยังงัย และเราว่าด้านที่สำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ทุกคน
คือส่วนหลังนี่มากกว่า ว่าเราจะเลือกที่จะรับกับเหตุการณ์ของชีวิต ณ เวลานั้นๆ
ยังงัย เพื่อส่งต่อชีวิตของตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างดีงามและมั่นคง
อดีตควรเป็นมิตรกับปัจจุบัน และปัจจุบันก็จะมีมิตรภาพที่ดีกับอนาคตต่อไป
ใช้อดีตเป็นบทเรียนและแก้ไขจุดบกพร่องใด ด้วยการให้อภัยและทำความเข้าใจ ให้พื้นที่
เพราะโลกนี้กว้างใหญ่และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกชีวิตเสมอ
เราเลือกให้ชีวิตของเราอบอุ่น เลือกที่จะให้ความอบอุ่นและเป็นที่พักพิงออกไป
มากกว่าที่จะขอหรือรับเข้ามา จนถึงวันนี้ส่วนเกินของการเป็นที่พักพิงทำให้ชีวิตเราเกินดุลไปนิดหน่อย
เพราะกลับกลายเป็นเราไม่ต้องการการพักพิงจากผู้ใด ทั้งๆที่ใจโหยหา ดูเหมือนเราหมดศรัทธาว่าคงไม่มีที่พักพิงที่เราคู่ควรและเหมาะกับเรา
อาจเป็นเพราะเรายังเป็นที่พักพิงที่ยังไม่มั่นคง เราถึงรู้สึกไม่มั่นคงกับที่พักพิงใดๆ
ในชีวิต
เรามีข้อดีที่เป็นคนให้พื้นที่และให้เหตุผลกับตัวเอง
เพื่อคนอื่นได้ดีเยี่ยมทีเดียว ดีจนไม่เหลือพื้นที่เอาไว้ให้ตัวเอง เพราะเรารู้สึกว่า
พื้นที่ของเราไม่มีความหมายอะไร เรายอมยกพื้นที่ของเราให้คนอื่นอย่างง่ายดาย
และเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่คนอื่นอยู่ได้ยาก แต่เราสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องอดทนด้วยซ้ำ
ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเราด้วยซ้ำกับการจะอยู่ในที่ที่คนอื่นอดทนได้ยาก
แต่สำหรับเรากลับทำมันได้อย่างสบายๆ กินง่าย บางทีง่ายเกินไป อยู่ง่าย บางทีก็ง่ายเกินไป
เราพบว่า เราให้จนเกินสมดุลของชีวิต
เราเห็นพ่อแม่ให้คนอื่นมาก มากจนทำให้ชีวิตครอบครัวของเราขาดดุล
สุดท้ายมีน้อยคนเหลือเกินที่จะสนใจว่าครอบครัวเราที่เคยดูแลเค้าเป็นยังไง ทุกคนต่างมีชีวิต และอยู่กับครอบครัวเค้าโดยไม่มีใครแม้แต่สนใจว่าควรจะตอบแทนสิ่งใดให้แก่พ่อแม่เราบ้าง
แต่โดยความเป็นจริง พ่อแม่ก็ไม่ได้คาดหวังให้เค้ามาให้อะไร แต่สิ่งนี้เรากลับเอามาเป็นบทเรียนในชีวิต
ที่จะรู้จักรักตัวเองและพร้อมที่จะรักผู้อื่นด้วย เรียนรู้ที่จะถ่วงดุล
ให้คุณค่าตัวเองเท่าเทียมกับผู้อื่น มีพื้นที่ในชีวิตเท่าเทียมกับที่คนอื่นมี ไม่ใช่ให้..จนหลงลืมความสำคัญของตัวเอง การให้เป็นสิ่งที่ดีงาม หากแต่การให้ด้วยปัญญา..และให้ในหนทางที่เหมาะสมกับผู้รับ เป็นสิ่งที่ดีงามยิ่งกว่า.. อินชาอัลลอฮ์
เราเห็นความผิดพลาดของตัวเอง เราถูกแบนด์จากเพื่อนตั้งแต่เด็ก เพราะเราชอบทำตัวแปลกแยกและเหนือกว่าพวกเค้า
คลื่นสมองของเราถูกพ่อฝังให้อยู่เหนือคนอื่น ดีกว่าคนอื่น และดูถูกคนอื่น พ่อเราไม่ชอบให้เราเล่นกับเด็กชาวบ้าน
ญาติแม่ เพราะเค้ารู้สึกว่าคนพวกนี้เป็นชาวบ้านชนบท เค้าแค่ไม่อยากให้เราเป็นเด็กบ้านนอก
เหมือนอย่างที่เค้าเคยเป็น แต่บางทีเราก็รู้สึกว่า ถ้าเราเติบโตแบบเด็กบ้านนอกที่มีครอบครัวที่อบอุ่น
ธรรมดาๆ เราก็คงมีชีวิตอีกรูปแบบนึงที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายขึ้น ชีวิตคงไม่ซับซ้อน
ไม่ต้องวางตัวให้เหนือใคร เพราะดูจากสังคมที่เราเดินผ่าน มีแค่ช่วงมัธยมที่เราเดินบนเส้นทางของการเป็นเด็กเมือง
แต่ชีวิตที่เราถูกเลือกหลังจากนั้น
ในเมืองที่ใหญ่ขึ้นกลับกลายเป็นสังคมของเด็กชนบทมารวมตัวกัน และเราก็เลยกลายเป็นคนแปลกแยกไป เป็นงั้นไปซะ..ชีวิตเนาะ และถูกแบนด์เพราะเป็นเด็กเมืองในหมู่เด็กชนบท
เราได้มีโอกาสได้ปรับเปลี่ยนชีวิตด้วยเส้นทางศาสนา ได้เรียนรู้แรงผลักเล็กๆในหัวใจที่ขับดันให้เราต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้
และมันก็ไม่เคยอิ่มเลยเจ้าหลุมดำหลุมนี้ แทนที่เราจะอยากได้จากผู้อื่น
เราน่าจะปรับใจว่าเรามีอะไรที่จะให้บ้าง
เพราะเพียงแค่ปรับว่าเราจะให้อะไรได้บ้างนี้
มันทำให้ใจมันอิ่มและสร้างสรรค์ขึ้นมาทันที
และทำโดยไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไรคืนมารึป่าว
สิ่งที่เราสมควรจะได้มันจะมาเองตามความเหมาะสมที่เราควรเรียนรู้และเป็นของขวัญที่แท้จริงที่ทำให้เรารู้ว่า
เราเป็นผู้ที่เหมาะสมและสมควรที่จะได้รับมันที่สุด
และมีเพียงเราเท่านั้นที่เหมาะสมกับของขวัญชิ้นนี้
พระผู้สร้างรู้ดีเสมอถึงสิ่งที่ดีงามและเหมาะสมกับเรา และในบางครั้งเราก็ต้องให้พื้นที่คนใกล้ตัวได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการความรู้สึกของเราด้วย
บางครั้งมันอาจเจ็บปวดแต่มันจะอยู่ไม่นานและมันคุ้มค่าแก่การยอมเสียสละความรู้สึกนี้ให้แน่นอน
อินชาอัลลอฮ์คียร์
เราสามารถใช้แรงผลักดันในหัวใจนี้
แปรเปลี่ยนเป็นแรงสร้างสรรค์ได้เพียงแค่เลือกด้านว่าเราจะเป็นผู้ให้หรือผู้รับเท่านั้นเอง
หากเราเลือกที่จะรับ เรากำลังส่งคำร้องในสิ่งที่เราขาดสู่จักรวาล
และเราจะดึงดูดสิ่งที่ขาดเหมือนกันเข้ามา แต่หากว่าเราเลือกที่จะเป็นผู้ให้
แรงสร้างสรรค์จะทวีคูณเป็นแรงหนุน
เป็นปัญญาโดยที่เราไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่ามีสิ่งนี้ในตัวเราด้วยหรือนี่
พระผู้สร้างชื่นชมการสรรสร้างเสมอ อินชาอัลลอฮ์ พระองค์ทรงสรรสร้างเราขึ้นมาเพื่อให้เราได้สรรสร้างโลก
มิใช่เพียงแต่รับเพียงอย่างเดียว
จงวางใจไว้ที่การให้ และส่งต่อของขวัญที่เราได้ให้แก่ผู้มีชีวิตทั้งหลาย
ส่วนใครจะสามารถรับหรือส่งต่อไปได้มากหรือน้อยเท่าไหร่
อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปตามดูด้วย สิ่งสำคัญจงให้ในส่วนของตัวเองอย่างสมบูรณ์และสมดุล
ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระผู้จัดสรร ดำรงความสมดุลตามธรรมชาติเอง
จงจำไว้ว่าทุกคนมีหนทางการสร้างสรรค์ที่แตกต่าง
ไม่มีใครดีกว่าใคร มีแต่จงทำตามความสามารถและหน้าที่โดยพรสวรรค์ที่มีอย่างเต็มที่และสมบูรณ์
ให้โลกได้เป็นพยานการมาเยือนของเราด้วยความอิ่มเอมและความสุขในผู้คน
ไม่ว่ามากน้อยเพียงใด ขอเพียงได้ให้ไว้แล้ว จงปล่อยวาง
บางทีการให้ไว้เพียงคนหนึ่งคน แต่หากเป็นคนที่ถูกคน
ประโยชน์อาจอเนกอนันต์มากกว่าการให้คนนับล้านด้วยซ้ำไป จงอย่าสบประมาทจำนวนน้อย
หากแต่จงทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและมีโอกาส
จงเป็นแสงสว่างนำทางแม้เพียงดวงเดียว ก็ยังเป็นประโยชน์สู่โลกได้เช่นกัน
เราได้พบตัวเองว่า เราเองถูกสร้างมาให้เจอกับประสบการณ์ต่างๆมากมาย
แปลกพิสดารเพื่อมีจุดประสงค์ให้เป็นแสงสว่างให้คนบางคน คนบางคนที่ได้รับบททดสอบแบบเดียวกับเรา
และกำลังหลงทางหาทางออก พระผู้เป็นเจ้าได้นำทางเราออกมาแล้ว และเป็นหน้าที่ของเราที่จะส่งต่อแสงสว่างนี้ให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
อินชาอัลลอฮ์ เราได้รับแสงสว่างในหัวใจ ได้รับคำตอบบางอย่าง ถึงคนบางคน
อินชาอัลลอฮ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น