ความอบอุ่นในหัวใจที่ถูกรัก
นำมาซึ่งความมั่นใจที่พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง
หนึ่งความฝันที่เรายังคงรู้สึกได้เสมอไม่เคยเลือนหายไปจากใจ
ชายชุดขาวรายล้อมด้วยเด็กๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
อ่อนโยนและใจดีที่เค้ารักเด็กๆรอบข้างอย่างเต็มเปี่ยม หากแต่เมื่อยามเค้ารักเรา
ความอ่อนโยนนั้นช่างอบอุ่นเกินความอิ่มอุ่นใดๆที่เราเคยพานพบ เค้าโอบอุ้มเราไว้ในอ้อมแขนอันทรงพลังอิ่มอุ่น
ให้ได้รับรู้ถึงความรักที่มากมายล้นปรี่ที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ไม่เคยพอเพียงในการรักเราและเอาใจใส่เรา เค้าไม่เคยให้เท้าเราแตะพื้น หากเราต้องการไปที่ใดเค้าก้อจะอุ้มเราไปวางบนแคร่
ณ ที่นั้น เราไม่รู้สึกเป็นที่รักมากเกินกว่านี้อีกแล้ว มันเต็มเปี่ยมจนเนสรู้สึกอิ่มพอแล้ว
และเค้าก้อให้เรามากกว่าที่เราอิ่มพอด้วยซ้ำ
หากด้วยวันนั้น
ไม่มีใครคนหนึ่งมาขัดขวางการแต่งงานของเราสองคน
ด้วยการเอ่ยถึงฐานันดรของเค้าเป็นเพียงผู้รับใช้ ในวันนั้น สายตาที่เราเพียงมองเค้าในความฉงน
ทำให้เค้าเสียใจและห่างหายไป สิ่งนึงที่ทำให้เราได้เรียนรู้ในวันนั้น
การพลิกผันของความรักและความรู้สึกในหัวใจของคนที่รักกัน
มันสามารถแปรเปลี่ยนเป็นการทำร้ายกันได้เพียงแค่การแสดงออกของแววตาและสีหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยเช่นนี้
จงระวังอย่างที่สุด และจงให้คำตอบแก่หัวใจอย่างชัดเจนเสียตั้งแต่แรก
ว่าไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่ว่าคนรักของเราจะเป็นใคร ผู้ใด
อยู่ในฐานะอะไรก้อตามหากแต่เรารู้สึกอิ่มอุ่นและเพียงพอกับรักที่เค้ามอบให้แล้ว
จงเชื่อมั่นและมีเพียงคำตอบเดียวที่ใครหรืออะไรก้อไม่สามารถมาทำลายมันได้
แล้วเราจะไม่มีวันเสียใจเพราะรักแท้จะอยู่ที่นั่นกับเราเสมอ
และหลังจากการเดินทาง
เราเองก้อได้พบคำตอบบางอย่าง หากเค้าคนนี้เป็นทุกอย่างที่เราปรารถนา
แต่หากเค้าไม่มีอัลลอฮ์ ก้อไม่มีเค้าในหนทางที่เราเลือก เพราะหัวใจเราไร้ภาคีใดๆอีกต่อไป
มันพอเพียงแล้ว เราเจอบ้านที่เราต้องกลับแล้ว ใครไม่กลับด้วยก้อไม่เป็นไร
สักวันหากเราเป็นหนทางของกันและกันโดยแท้จริง เราจะเจอกันและจะไม่มีวันจากกันชั้วนิรันดร์
อินชาอัลลอฮ์ หาไม่แล้ว เดินไปด้วยกันตอนนี้ สุดท้ายก้อต้องจากกันและกลายเป็นเพียงความทรงจำของกันและกัน
เราพยายามเก็บสะสมความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับโลกไว้ในด้านที่มันนำพาประโยชน์และปัญญามาให้
และพยายามละทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่ไว้ที่นี่ให้มากที่สุด
โลกไม่ใช่สถานที่ของมนุษย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่ที่นี่มีปัญญามากมายให้เก็บเกี่ยว มีความทุกข์มากพอให้ได้อดทนเพื่อผ่านบททดสอบ
และมีความสุขมากพอให้เป็นรางวัลอันเป็นสัญญาณว่าความสุขที่แท้จริงมีรออยู่ข้างหน้า
หากเรามองผ่านความทุกข์ผ่านความสุข และมองความสุขผ่านความทุกข์
เราจะมองเห็นโลกโดยแท้จริง และเราจะติดมันน้อยลงหรือไม่ก้อไม่ติดมันเลย
เพราะมันเป็นแค่เครื่องมือ
เหมือนกับร่างกายมนุษย์ที่เป็นเพียงแค่เครื่องมือเช่นกัน
รูปลักษณ์เป็นเพียงสิ่งล่อตา
ที่แท้จริงที่เราคล้อยตามคือบุคลิก หรือเรียกง่ายๆว่า พลังที่แผ่ออกมาจากผู้นั้นหรือสิ่งนั้นต่างหากที่ดึงดูดเราเข้าไปหา
หรือให้ออกห่าง
พลังของเราเองเป็นสิ่งที่เสถียรที่สามรถบอกเราได้อย่างแม่นยำหากเราฟังตัวเองมากพอ
และฝึกให้พลังของเราเสถียรพอ
เราจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วถึงสิ่งที่มากระทบว่าควรเข้าใกล้หรือควรออกห่าง
หรือเรียกอีกอย่างว่า การกระทบออร่า
หากเราต้องการได้สิ่งไหน
เราเองก้อสามารถที่จะทำให้ออร่าของเราเป็นแบบนั้น
ออร่าของเราก้อจะดึงดูดสิ่งที่เหมือนๆกันเข้ามาหา
เพราะสิ่งที่เหมือนกันจะถูกดึงดูดเข้าหากัน หากเราไม่ชอบสิ่งไหน
จงอย่าทำมันและควรออกห่างจากมันด้วยการเปลี่ยนนิสัยของเราก่อน
หลังจากนั้นพลังออร่าจะนำพาเราไปหาสิ่งที่เข้าและเสถียรกับพลังของเราเองโดยธรรมชาติ
อินชาอัลลอฮ์
หนทางที่นำชีวิต
ดูได้จากสิ่งที่ค้นคว้าสนใจทำบ่อยๆ ซ้ำๆ
ความอดทนและการให้โอกาส
คือสิ่งที่เราทำมันบ่อยๆ ซ้ำๆ จนบางทีเรารู้สึกว่า การให้พื้นที่คนอื่นอื่นมันล้ำเส้นเกินเลยเขตหวงห้ามของเราด้วยซ้ำไป
บางทีเราก้อสูญเสียความเป็นตัวเอง ด้วยสองสิ่งนี้และมันก้อกลายมาเป็นตัวตนของเราไปโดยปริยาย
บางครั้งเรายังเคยนึกที่จะฝึกให้ตัวเองวางเขตแดนกั้นไม่ให้ใครเข้ามามากนัก
แต่ดูเหมือนเราก้อคือเรา สองสิ่งนี้หล่อหลอมเข้ากับจิตวิญญาณของเราไปแล้ว
จนยากที่จะเปลี่ยนมัน เราเป็นคนที่เข้าถึงง่ายมาก เพราะเราไม่หวงตัวเลย
ไม่หวงเขตแดนเลย พยายามสร้างมันนะ แต่พอเริ่มก้อมีคนมารุกล้ำ และเราก้อเขยิบพื้นที่ให้โดยปริยาย
จนพระเมตตาทรงโปรดกั้นเขตแดนให้เราเองโดยธรรมชาติ เพราะพระองค์รู้ว่าเราทำเองลำบาก
ดีเกินไปอยู่บนโลกลำบาก ต้องปรับตัวและถูกวางไว้ในที่ที่เหมาะสม พระองค์ฮิญาบเราด้วยเกราะแห่งศาสนา
ห้อมล้อมเราด้วยปราการแห่งฮิดายะห์ อาภรณ์เราด้วยหัวใจที่ทรงคุณธรรม
ด้วยความเปี่ยมสุข
ลองมองดูชีวิตว่า
สิ่งไหนที่เราทำเพื่อยกตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่น
ตัวเราเองกลับมองเห็นตัวเองว่า
เราชอบทำความดีเพื่อที่จะรู้สึกว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ริยาอ์ชัดๆ เพราะฉะนั้น
อินชาอัลลอฮ์ ต่อจากนี้ไป เราต้องแก้ไขปรับปรุงหัวใจตัวเองให้ตัวเอง
จัดสรรพื้นที่ให้ผู้อื่น และให้สิทธิทางศาสนาแก่คนรอบข้าง โดยไม่เอาตัวเองเป็นมาตรฐาน
เพราะโดยแท้จริงมาตรฐานไม่ได้มีจริง มีแต่ข้อกำหนดให้ทำ แล้วแต่ใครจะเก็บแต้มมาก
แต้มน้อยแล้วแต่ศรัทธา แล้วแต่ใครจะเลือกทำเอา ไม่มีใครน้อยกว่าหรือมากกว่า
เพราะศรัทธาไม่อาจวัดเป็นระดับได้ ด้วยไม่มีใครรู้หัวใจของผู้กระทำนอกจากตัวบ่าวเองและอัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้
อัลลอฮูวาลัม
ดูเหมือนเราจะได้รับการส่งต่อการเรียนการสอน
และการเรียนรู้การใช้ชีวิตมาจากครูของเรา เพราะเท่าที่เราเห็น
การสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น หรือแม้แต่การเรียนทางธรรม และการประพฤติความดี
คุรุเองก้อเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานและไม่ค่อยจะเคยเห็นศิษย์ก้าวหน้าไปกว่าตัวเอง
หากผิดแผกย่อมกลายเป็นผิด หากแตกต่างย่อมกลายเป็นแปลกแยกไป
เพราะบางทีสิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งเป็น มันอยู่เหนือความรู้ของเรา
และเราก้อแค่ไม่ยอมรับว่า เค้ามีสิ่งที่เราไม่รู้และมากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
มันกลายเป็นศักดิ์ศรีขึ้นมาซะงั้น
สิ่งที่เราควรปรับปรุงตัวเอง
แก้ไขก่อนที่จะได้เริ่มเผยแพร่ความดีไปสู้ผู้อื่น คือ การที่ทำให้ตัวเองผ่องใสก่อน
ผ่องใสจากการเอาศักดิ์ศรีมาค้ำคอ เมื่อมีสิ่งที่ไม่รู้ จงตอบตามตรงว่าไม่รู้
และจงปลอบโยนผู้รับด้วยการบอกแก่เขาว่า อาจมีคนที่เหมาะสมกว่าที่จะให้คำตอบนี้
เพราะคำถามทุกคำถามมีคำตอบเสมอ
หากแต่บางคำตอบต้องรอเวลาที่ให้เราเติบโตเต็มที่ที่จะเข้าใจมันได้
เพราะถึงแม้จะได้มันไปตอนนี้ ก้ออาจได้มันไปแบบผิด และไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
เสียไปฟรีๆอีก
บางครั้งการรอบ่มเพาะความอิ่มเต็มบริบูรณ์ได้ดีกว่าการแสวงหาใคร่รู้
เพราะสิ่งหลังไม่นำพาอะไรมาให้ชีวิต
นอกจากความอยากรู้ในสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาที่เพิ่มขึ้น
และแถมยังไม่ได้คำตอบที่แท้จริงด้วย หลงเปล่าๆ มิควรบังอาจเรียกตนเองว่าคุรุ
และมองผู้อื่นว่าเป็นศิษย์
เพราะทุกๆคนมีทางนำเป็นของตนเองที่เรียกได้อย่างแท้จริงว่า คุรุทางจิตวิญญาณ
ซึ่งเราห่างไกลจากคำนั้นมากมายนัก
ด้วยเช่นนั้น
จงกล่าวขนาตนเองเป็นเพียงผู้ชี้แจงและอำนวยความสะดวกในแต่สิ่งที่เราทราบและมีประสบการณ์กับมัน
มีมุมมองในมันในด้านของเรา
แต่จงให้วิธีการแก่ผู้อื่นให้เขาลองเอาไปทำดูเพื่อจะได้เห็นหนทางของตนเองได้ชัดยิ่งขึ้น
ไม่มีขั้นกว่าว่าใครมีมากหรือน้อยกว่ากัน
ทุกคนต่างมีวิถีที่แตกต่างที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
เขาเป็นเพียงผู้รับที่จะส่งต่อสิ่งที่เขาเป็นให้แก่คนรุ่นต่อไป เพราะเช่นนี้
ตัวเราจึงควรมีความรับผิดชอบต่อการให้ของเรามากกว่าคิดว่าเพียงให้ก้อได้แล้วเท่านั้น
และคนที่เราควรตระหนักและขัดเกลามากที่สุด ควรสนใจมากที่สุดจนผ่องแผ้ว คือตัวเอง
และเมื่อได้รับความผ่องแผ้วทางวิญญาณแล้ว
จึงให้ผู้อื่นได้เป็นตัวของตัวเองที่มีความสุขในวิถีทางของตนเอง
โดยเป็นอิสระจากกัน มีเพียงความเมตตาต่อกัน เป็นกัลยาณมิตรก้อเกินพอแล้ว
เราควรต้องแนะแนวทางให้ผู้รับ
จงยืนและเดินด้วยตนเองอย่างมั่นใจ เพราะสิ่งที่ถูกส่งผ่านมารุ่นสู่รุ่น
หลายชั่วอายุคนได้ทำลายสิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจที่จะเป็นตัวเองที่มีความสุขไปมากแล้ว
ผู้คนที่รู้จักตัวเอง และมีความสุขในหนทางของตัวเองมีน้อยเพียงหยิบมือ
หากแต่เราควรเป็นผู้ถ่ายทอดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชนรุ่นต่อๆไป
ให้เขาได้ค้นพบตัวเองตั้งแต่เยาว์วัย
เพื่อศักยภาพแห่งการใช้ชีวิตจะเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับไป
หากชัยตอนจะฉุดดึงมนุษย์ให้คิดค้นสิ่งที่เป็นตัวเองและแสดงมันออกมาในหนทางที่ดึงมนุษย์ให้หลงมากขึ้น
ตัวเราเองก้อขอเลือกอยู่ข้างมะลักผู้ที่จะฉุดดึงมนุษย์ให้พบความเป็นตัวของตัวเองที่มีความสุขที่ขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยความดีงามที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความดีงามเป็นเครื่องประดับ
มีมารยาทที่ดีงามเป็นอาภรณ์ห่มจิตวิญญาณและร่างกาย
อินชาอัลลอฮ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น