วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เป็นได้..แค่ตัวเอง


ความอบอุ่นในหัวใจที่ถูกรัก นำมาซึ่งความมั่นใจที่พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง

หนึ่งความฝันที่เรายังคงรู้สึกได้เสมอไม่เคยเลือนหายไปจากใจ ชายชุดขาวรายล้อมด้วยเด็กๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น อ่อนโยนและใจดีที่เค้ารักเด็กๆรอบข้างอย่างเต็มเปี่ยม หากแต่เมื่อยามเค้ารักเรา ความอ่อนโยนนั้นช่างอบอุ่นเกินความอิ่มอุ่นใดๆที่เราเคยพานพบ เค้าโอบอุ้มเราไว้ในอ้อมแขนอันทรงพลังอิ่มอุ่น ให้ได้รับรู้ถึงความรักที่มากมายล้นปรี่ที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่เคยพอเพียงในการรักเราและเอาใจใส่เรา เค้าไม่เคยให้เท้าเราแตะพื้น หากเราต้องการไปที่ใดเค้าก้อจะอุ้มเราไปวางบนแคร่ ณ ที่นั้น เราไม่รู้สึกเป็นที่รักมากเกินกว่านี้อีกแล้ว มันเต็มเปี่ยมจนเนสรู้สึกอิ่มพอแล้ว และเค้าก้อให้เรามากกว่าที่เราอิ่มพอด้วยซ้ำ 

หากด้วยวันนั้น ไม่มีใครคนหนึ่งมาขัดขวางการแต่งงานของเราสองคน ด้วยการเอ่ยถึงฐานันดรของเค้าเป็นเพียงผู้รับใช้ ในวันนั้น สายตาที่เราเพียงมองเค้าในความฉงน ทำให้เค้าเสียใจและห่างหายไป สิ่งนึงที่ทำให้เราได้เรียนรู้ในวันนั้น การพลิกผันของความรักและความรู้สึกในหัวใจของคนที่รักกัน มันสามารถแปรเปลี่ยนเป็นการทำร้ายกันได้เพียงแค่การแสดงออกของแววตาและสีหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

ด้วยเช่นนี้ จงระวังอย่างที่สุด และจงให้คำตอบแก่หัวใจอย่างชัดเจนเสียตั้งแต่แรก ว่าไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่ว่าคนรักของเราจะเป็นใคร ผู้ใด อยู่ในฐานะอะไรก้อตามหากแต่เรารู้สึกอิ่มอุ่นและเพียงพอกับรักที่เค้ามอบให้แล้ว จงเชื่อมั่นและมีเพียงคำตอบเดียวที่ใครหรืออะไรก้อไม่สามารถมาทำลายมันได้ แล้วเราจะไม่มีวันเสียใจเพราะรักแท้จะอยู่ที่นั่นกับเราเสมอ

และหลังจากการเดินทาง เราเองก้อได้พบคำตอบบางอย่าง หากเค้าคนนี้เป็นทุกอย่างที่เราปรารถนา แต่หากเค้าไม่มีอัลลอฮ์ ก้อไม่มีเค้าในหนทางที่เราเลือก เพราะหัวใจเราไร้ภาคีใดๆอีกต่อไป มันพอเพียงแล้ว เราเจอบ้านที่เราต้องกลับแล้ว ใครไม่กลับด้วยก้อไม่เป็นไร สักวันหากเราเป็นหนทางของกันและกันโดยแท้จริง เราจะเจอกันและจะไม่มีวันจากกันชั้วนิรันดร์ อินชาอัลลอฮ์ หาไม่แล้ว เดินไปด้วยกันตอนนี้ สุดท้ายก้อต้องจากกันและกลายเป็นเพียงความทรงจำของกันและกัน เราพยายามเก็บสะสมความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับโลกไว้ในด้านที่มันนำพาประโยชน์และปัญญามาให้ และพยายามละทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่ไว้ที่นี่ให้มากที่สุด 

โลกไม่ใช่สถานที่ของมนุษย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ที่นี่มีปัญญามากมายให้เก็บเกี่ยว มีความทุกข์มากพอให้ได้อดทนเพื่อผ่านบททดสอบ และมีความสุขมากพอให้เป็นรางวัลอันเป็นสัญญาณว่าความสุขที่แท้จริงมีรออยู่ข้างหน้า หากเรามองผ่านความทุกข์ผ่านความสุข และมองความสุขผ่านความทุกข์ เราจะมองเห็นโลกโดยแท้จริง และเราจะติดมันน้อยลงหรือไม่ก้อไม่ติดมันเลย เพราะมันเป็นแค่เครื่องมือ เหมือนกับร่างกายมนุษย์ที่เป็นเพียงแค่เครื่องมือเช่นกัน 

รูปลักษณ์เป็นเพียงสิ่งล่อตา ที่แท้จริงที่เราคล้อยตามคือบุคลิก หรือเรียกง่ายๆว่า พลังที่แผ่ออกมาจากผู้นั้นหรือสิ่งนั้นต่างหากที่ดึงดูดเราเข้าไปหา หรือให้ออกห่าง พลังของเราเองเป็นสิ่งที่เสถียรที่สามรถบอกเราได้อย่างแม่นยำหากเราฟังตัวเองมากพอ และฝึกให้พลังของเราเสถียรพอ เราจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วถึงสิ่งที่มากระทบว่าควรเข้าใกล้หรือควรออกห่าง หรือเรียกอีกอย่างว่า การกระทบออร่า 

หากเราต้องการได้สิ่งไหน เราเองก้อสามารถที่จะทำให้ออร่าของเราเป็นแบบนั้น ออร่าของเราก้อจะดึงดูดสิ่งที่เหมือนๆกันเข้ามาหา เพราะสิ่งที่เหมือนกันจะถูกดึงดูดเข้าหากัน หากเราไม่ชอบสิ่งไหน จงอย่าทำมันและควรออกห่างจากมันด้วยการเปลี่ยนนิสัยของเราก่อน หลังจากนั้นพลังออร่าจะนำพาเราไปหาสิ่งที่เข้าและเสถียรกับพลังของเราเองโดยธรรมชาติ 

อินชาอัลลอฮ์

หนทางที่นำชีวิต ดูได้จากสิ่งที่ค้นคว้าสนใจทำบ่อยๆ ซ้ำๆ

ความอดทนและการให้โอกาส คือสิ่งที่เราทำมันบ่อยๆ ซ้ำๆ จนบางทีเรารู้สึกว่า การให้พื้นที่คนอื่นอื่นมันล้ำเส้นเกินเลยเขตหวงห้ามของเราด้วยซ้ำไป บางทีเราก้อสูญเสียความเป็นตัวเอง ด้วยสองสิ่งนี้และมันก้อกลายมาเป็นตัวตนของเราไปโดยปริยาย บางครั้งเรายังเคยนึกที่จะฝึกให้ตัวเองวางเขตแดนกั้นไม่ให้ใครเข้ามามากนัก แต่ดูเหมือนเราก้อคือเรา สองสิ่งนี้หล่อหลอมเข้ากับจิตวิญญาณของเราไปแล้ว จนยากที่จะเปลี่ยนมัน เราเป็นคนที่เข้าถึงง่ายมาก เพราะเราไม่หวงตัวเลย ไม่หวงเขตแดนเลย พยายามสร้างมันนะ แต่พอเริ่มก้อมีคนมารุกล้ำ และเราก้อเขยิบพื้นที่ให้โดยปริยาย จนพระเมตตาทรงโปรดกั้นเขตแดนให้เราเองโดยธรรมชาติ เพราะพระองค์รู้ว่าเราทำเองลำบาก ดีเกินไปอยู่บนโลกลำบาก ต้องปรับตัวและถูกวางไว้ในที่ที่เหมาะสม พระองค์ฮิญาบเราด้วยเกราะแห่งศาสนา ห้อมล้อมเราด้วยปราการแห่งฮิดายะห์ อาภรณ์เราด้วยหัวใจที่ทรงคุณธรรม ด้วยความเปี่ยมสุข

ลองมองดูชีวิตว่า สิ่งไหนที่เราทำเพื่อยกตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่น

ตัวเราเองกลับมองเห็นตัวเองว่า เราชอบทำความดีเพื่อที่จะรู้สึกว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ริยาอ์ชัดๆ เพราะฉะนั้น อินชาอัลลอฮ์ ต่อจากนี้ไป เราต้องแก้ไขปรับปรุงหัวใจตัวเองให้ตัวเอง จัดสรรพื้นที่ให้ผู้อื่น และให้สิทธิทางศาสนาแก่คนรอบข้าง โดยไม่เอาตัวเองเป็นมาตรฐาน เพราะโดยแท้จริงมาตรฐานไม่ได้มีจริง มีแต่ข้อกำหนดให้ทำ แล้วแต่ใครจะเก็บแต้มมาก แต้มน้อยแล้วแต่ศรัทธา แล้วแต่ใครจะเลือกทำเอา ไม่มีใครน้อยกว่าหรือมากกว่า เพราะศรัทธาไม่อาจวัดเป็นระดับได้ ด้วยไม่มีใครรู้หัวใจของผู้กระทำนอกจากตัวบ่าวเองและอัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ 

อัลลอฮูวาลัม

ดูเหมือนเราจะได้รับการส่งต่อการเรียนการสอน และการเรียนรู้การใช้ชีวิตมาจากครูของเรา เพราะเท่าที่เราเห็น การสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น หรือแม้แต่การเรียนทางธรรม และการประพฤติความดี คุรุเองก้อเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานและไม่ค่อยจะเคยเห็นศิษย์ก้าวหน้าไปกว่าตัวเอง หากผิดแผกย่อมกลายเป็นผิด หากแตกต่างย่อมกลายเป็นแปลกแยกไป เพราะบางทีสิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งเป็น มันอยู่เหนือความรู้ของเรา และเราก้อแค่ไม่ยอมรับว่า เค้ามีสิ่งที่เราไม่รู้และมากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ มันกลายเป็นศักดิ์ศรีขึ้นมาซะงั้น 

สิ่งที่เราควรปรับปรุงตัวเอง แก้ไขก่อนที่จะได้เริ่มเผยแพร่ความดีไปสู้ผู้อื่น คือ การที่ทำให้ตัวเองผ่องใสก่อน ผ่องใสจากการเอาศักดิ์ศรีมาค้ำคอ เมื่อมีสิ่งที่ไม่รู้ จงตอบตามตรงว่าไม่รู้ และจงปลอบโยนผู้รับด้วยการบอกแก่เขาว่า อาจมีคนที่เหมาะสมกว่าที่จะให้คำตอบนี้ เพราะคำถามทุกคำถามมีคำตอบเสมอ หากแต่บางคำตอบต้องรอเวลาที่ให้เราเติบโตเต็มที่ที่จะเข้าใจมันได้ เพราะถึงแม้จะได้มันไปตอนนี้ ก้ออาจได้มันไปแบบผิด และไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เสียไปฟรีๆอีก 

บางครั้งการรอบ่มเพาะความอิ่มเต็มบริบูรณ์ได้ดีกว่าการแสวงหาใคร่รู้ เพราะสิ่งหลังไม่นำพาอะไรมาให้ชีวิต นอกจากความอยากรู้ในสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาที่เพิ่มขึ้น และแถมยังไม่ได้คำตอบที่แท้จริงด้วย หลงเปล่าๆ มิควรบังอาจเรียกตนเองว่าคุรุ และมองผู้อื่นว่าเป็นศิษย์ เพราะทุกๆคนมีทางนำเป็นของตนเองที่เรียกได้อย่างแท้จริงว่า คุรุทางจิตวิญญาณ ซึ่งเราห่างไกลจากคำนั้นมากมายนัก 

ด้วยเช่นนั้น จงกล่าวขนาตนเองเป็นเพียงผู้ชี้แจงและอำนวยความสะดวกในแต่สิ่งที่เราทราบและมีประสบการณ์กับมัน มีมุมมองในมันในด้านของเรา แต่จงให้วิธีการแก่ผู้อื่นให้เขาลองเอาไปทำดูเพื่อจะได้เห็นหนทางของตนเองได้ชัดยิ่งขึ้น ไม่มีขั้นกว่าว่าใครมีมากหรือน้อยกว่ากัน ทุกคนต่างมีวิถีที่แตกต่างที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เขาเป็นเพียงผู้รับที่จะส่งต่อสิ่งที่เขาเป็นให้แก่คนรุ่นต่อไป เพราะเช่นนี้ ตัวเราจึงควรมีความรับผิดชอบต่อการให้ของเรามากกว่าคิดว่าเพียงให้ก้อได้แล้วเท่านั้น และคนที่เราควรตระหนักและขัดเกลามากที่สุด ควรสนใจมากที่สุดจนผ่องแผ้ว คือตัวเอง และเมื่อได้รับความผ่องแผ้วทางวิญญาณแล้ว จึงให้ผู้อื่นได้เป็นตัวของตัวเองที่มีความสุขในวิถีทางของตนเอง โดยเป็นอิสระจากกัน มีเพียงความเมตตาต่อกัน เป็นกัลยาณมิตรก้อเกินพอแล้ว

เราควรต้องแนะแนวทางให้ผู้รับ จงยืนและเดินด้วยตนเองอย่างมั่นใจ เพราะสิ่งที่ถูกส่งผ่านมารุ่นสู่รุ่น หลายชั่วอายุคนได้ทำลายสิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจที่จะเป็นตัวเองที่มีความสุขไปมากแล้ว ผู้คนที่รู้จักตัวเอง และมีความสุขในหนทางของตัวเองมีน้อยเพียงหยิบมือ 

หากแต่เราควรเป็นผู้ถ่ายทอดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชนรุ่นต่อๆไป ให้เขาได้ค้นพบตัวเองตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อศักยภาพแห่งการใช้ชีวิตจะเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับไป หากชัยตอนจะฉุดดึงมนุษย์ให้คิดค้นสิ่งที่เป็นตัวเองและแสดงมันออกมาในหนทางที่ดึงมนุษย์ให้หลงมากขึ้น ตัวเราเองก้อขอเลือกอยู่ข้างมะลักผู้ที่จะฉุดดึงมนุษย์ให้พบความเป็นตัวของตัวเองที่มีความสุขที่ขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยความดีงามที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความดีงามเป็นเครื่องประดับ มีมารยาทที่ดีงามเป็นอาภรณ์ห่มจิตวิญญาณและร่างกาย

อินชาอัลลอฮ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น