วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความพอใจ...ในตัวตน




เคยไหม..มองดูตัวเองแล้ว อยากมีอันนี้เพิ่มขึ้น อยากเปลี่ยนแปลงตรงนั้น ตรงนี้ ตรงนี้น่าจะมากกว่านี้หน่อย ตรงนี้น่าจะลดลงอีกหน่อย จมูกน่าจะโด่งอีกหน่อย หัวน่าจะทุยอีกนิด ผมน่าจะสีอ่อนกว่านี้หน่อย ผมน่าจะเยอะกว่านี้หน่อย ตาน่าจะโตกว่านี้อีกนิด ห้าน่าจะเรียวกว่านี้อีกหน่อย และอื่นๆ อีกมากมาย แทบจะทั้งตัวที่อยากเปลี่ยน ไม่อยากเป็น..ตัวเอง เพราะเห็นคนอื่น..ดีกว่า เกือบจะเสมอ..

ลองเปลี่ยนคำถามบ้าง.. อะไรบ้างในตัวเรา ที่เราพอใจที่มีมัน

เคยคิดเพิ่มอีกนิดไหม..

..ถ้าหัวเราโตไปข้างหลังเพิ่มอีกนิดนึง สมองมีขนาดเพิ่มอีกนิดนึง เราจะมีความเฉลียวฉลาดแบบนี้ไหม
..ถ้าจมูกเราโด่งกว่านี้อีกหน่อย เราจะหายใจดีแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไหม หรือจะเพิ่มพื้นที่ทำให้เป็นไซนัส หรือติดเชื้อ
..ถ้าตาโตกว่านี้อีกหน่อย ลูกตามันจะหลุดออกจากเบ้าไหม

ถ้าเรามองสิ่งต่างๆที่เรามีอยู่อย่างตามความเป็นจริงแล้ว เราสมบูรณ์ลงตัวที่สุดแล้ว ที่จำเป็นที่จะต้องใช้ให้สมกับบททดสอบที่เราต้องผ่าน 

ลองคิดดูว่า..ถ้าบททดสอบของเรา ตอนอายุ 25 เราต้องไปในที่ที่หนึ่งที่เราจะถูกเป็นตัวเลือกว่า โจรจะจับใครเป็นตัวประกัน เพราะเราไม่รู้ว่าต้องผ่านบททดสอบนี้ และเราไปเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นเราเพราะอยากให้สะดุดตา อะไรจะกิดขึ้น แทนที่จะเป็นคนอื่นที่โดนจับ อาจเป็นเราที่ต้องโดนเพราะหน้าตาดันไปเตะตาโจรเข้า และหากแย่กว่านั้ หากเราเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวย โจรคงจะไม่จับไปเฉยๆแน่ ด้วยอย่างนี้ หน้าตาสวยกลายเป็นนำภัยมาให้ชีวิต แทนที่จะรอดจากภัยกับสิ่งที่ถูกสร้างมาเป็นตัวเองที่ดีที่สุดแล้ว

เชื่อเถอะ..ยาอัลลอฮฺ พระผู้สร้างสร้างความสมดุลมาให้ชีวิตของเราแล้วเรียบร้อยและอย่างสมดุลด้วย อินชาอัลลอฮฺ พระองค์สร้างสิ่งหนึ่งมาให้ ถึงแม้เราจะรู้สึกว่า มันลดทอนชีวิตเรา แต่หากลองมองดูโดยแท้จริง เราจะเห็นได้ว่า เราจะมีอีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มพูนเสมอ ไม่มีใครได้โดยไม่ได้ และไม่ได้โดยได้อะไรตอบแทนบางสิ่งเสมอ

อัลลอฮฺ คารีม..อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่และเหลือเฟือเหลือเกิน

จงพอใจที่จะเป็นตัวเอง..
จงภูมิใจในความเป็นตัวเอง..
จงอุ่นใจว่าตัวเองนี่แหละจะสามารถนำทางตัวเองให้ผ่านบททดสอบไปได้อย่างสง่างามที่สุด..

อินชาอัลลอฮฺ คียร์

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การศึกษาของชีวิต


การศึกษาของชีวิต

ได้เห็นอย่างหนึ่งจากการเรียนของตัวเอง อายุเท่านี้แต่ต้องได้มาเรียน..อีกแล้ว ทำให้เห็นถึง..นี่คือเวลาที่แท้จริงที่เป็น 
การศึกษาของชีวิต
 
ทุกคนมีแบบแผนการเรียนรู้ของชีวิตทางโลกที่เหมือนๆกัน คือ เข้าอนุบาล ป.๑ จบมัธยมปลาย เข้ามหาลัยหรือเรียนต่อสายอื่น เหมือนกันและแตกต่างกันเล็กน้อยจากการเลือกเรียน แต่ที่แน่ๆ เกือบจะทุกคนต้องได้ผ่านขั้นตอนอะไรแบบนี้ ถึงแม้ทุกคนจะเรียนแบบแผนเดียวกันในช่วงต้นของชีวิต แทบจะโขกพิมพ์กันออกมาด้วยแผนการสอนระดับประเทศในช่วงเวลานั้นๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่เรียนจะได้รับ การศึกษาของชีวิตที่แท้จริงที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับชีวิตได้จริงๆ ทุกคนนะ

วงล้อชีวิตของคนเราน่าจะแบ่งโดยคร่าวๆ ได้ประมาณนี้

- ช่วงเปลี่ยนแปลงที่อยู่ การเรียนรู้การใช้ชีวิตสันโดษ เพียงพอกับทุกสิ่งรอบตัว เรียนรู้ความสงบจากภายใน อยู่ในคุณค่าแห่งการทรงไว้ซึ่งคุณธรรมความดีงามที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น

- เรียนรู้ความหมายของริซกีแห่งมิตรแท้ และศัตรูที่ไม่ถาวร เรียนรู้การเก็บรักษาสิ่งที่ได้มาอย่างทนุถนอมและเพิ่มพูนมัน เรียนรู้การเพิมพูนการศึกษาในแนวทางใหม่ๆที่รังสรรค์ชีวิตให้งดงามยิ่งขึ้น

·      - เรียนรู้ที่จะสงบนิ่งจากภายใน จากความวุ่นวายของสิ่งรอบข้าง เรียนรู้การทำทานในทุกรูปแบบที่ยังให้ชีวิตเป็นปกติสุขโดยสันติ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและทรงคุณค่าที่จะใส่ใจยิ่งกับการคร่ำเคร่งในการประกอบอามัลอิบาด์ซอและห์ เพื่อได้ประจักษ์ถึงพลานุภาพแห่งพระเมตตาอันเต็มเปี่ยม

·       - เป็นช่วงเวลาแห่งการเดินทางภายในและภายนอก เรียนรู้กับสิ่งต่างๆรอบตัว หาประโยชน์จากมันและใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มค่า เรียนรู้การให้อภัยและความเมตตาที่ทรงพลัง เรียรู้ความสันติสุขอันเกิดจากการให้และได้รับการให้อภัยซึ่งกันและกัน 

·       - ช่วงแห่งการเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต เพื่อสามารถเก็บเกี่ยวไว้เพื่อสามารถสั่งสอนผู้อื่นได้ 
 
·       - เวลานี้เป็นเวลาแห่งการกลั่นกรองสิ่งที่ได้เรียนรู้และถึงเวลาที่ต้องสั่งสอนเผยแพร่ควบคู่กันไป

·       - เป็นช่วงทางเดินขึ้นเขา เลยต้องกลับไปดูว่าเมื่อ ริซกีมาตอนช่วงก่อนหน้านี้ ได้วางพื้นฐานชีวิตไว้อย่างไร เพราะต้องเอามาใช้ตอนนี้

·       - เป็นเวลาที่ริซกีจะมาอย่างท่วมท้นจนรับแทบไม่ทัน เป็นช่วงเรียนรู้การระวังหัวใจตัวเองที่หลงเพลิดเพลินไปกับความหลงในทุกสิ่งที่งดงามที่เข้ามาในชีวิต จงระลึกเสมอว่าริซกีของอัลลอฮฺให้มาเพื่อใช้ให้พอเพียงและเก็บเอาไว้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อชีวิตในวันข้างหน้า

ซึ่งแต่ละช่วงจะมีเวลาของตัวเองค่อนข้างชัดเจน และมีช่วง เชื่อมสัมพันธ์ คือช่วงรอยต่อระหว่างช่วงหนึ่งสู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งกระแสของช่วงก่อนหน้าและช่วงรับส่งต่อจะมากน้อย แปรผันไปตามกาลเวลาที่เคลื่อนไปเรื่อยๆนี้ จนถึงจุด ณ เวลาหนึ่ง การเข้าสู่ ช่วงเวลาสมบูรณ์ ของช่วงนั้นก็จะเป็นความรับผิดชอบของช่วงนั้นๆไป

ยกตัวอย่างเปรียบเทียบได้กับครูเพ็ญศรี กับครูปรีชา 

วิชาของครูเพ็ญศรี สร้างสถานการณ์ความยุ่งยากให้เกิดขึ้นกับนักเรียนไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อจุดมุ่งหมายให้นักเรียนได้รู้จักตัวเอง รู้จักตัวตนของตัวเอง รู้จักถึงปัญหา รู้จักการแก้ปัญหา และครูเพ็ญศรีจะไม่ย่อท้อที่จะให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดอยู่นั่นแล้ว เอามันซ้ำแบบทดสอบเดิมจนกว่าจะสอบผ่านนั่นแหละ ไม่ด่าไม่ตี แต่ให้ทำใหม่ซ้ำเดิมๆๆๆ และซ้ำเดิมจนกว่านักเรียนคนนั้นจะสอบผ่าน และมีความจำเป็นต้องสอบให้ผ่านก่อนหมดเวลาซะด้วย 

เพราะอะไร ทำไมครูเพ็ญศรีถึงต้องทำให้นักเรียนสอบจนผ่านนะเหรอ เพราะห้องเรียนของครูปรีชา นักเรียนทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ความรู้ที่ตัวเองได้เรียนมาของห้องครูเพ็ญศรี มาทำเป็นรายงานที่มีแบบแผนเพื่อที่จะเป็นนักเรียนตัวอย่าง ที่จะสอนให้นักเรียนห้องอื่นได้เรียนรู้ต่อไป จะว่าไปเหมือนห้องเรียนครูปรีชาจะเป็นวัดระดับความสามารถเชิงทฤษฎีก่อนลงสนามจริง เพราะห้องเรียนต่อจากครูปรีชาคือ จุลสิคปาร์ค ไม่มีครู คือเปิดประตูเข้าเขาวงกตของจริงและให้อยู่ในนั้น ๑๒ ปีไปเลย และเมื่อใครรอดออกมาได้ก็ได้พักผ่อนเสวยสุขยาว

แต่ก็อีกนั่นแหละ ว่าตอนเกิดใครจะถูกหย่อนลงห้องครูคนไหนก็ว่ากันไป เพราะครูแต่ละคนก็ทำหน้าที่สอนกันตามเรื่องราว ไม่มีวันหยุด ว่ากันตามหน้าที่โดยแท้จริง

มาลองดูตัวอย่างกรณีศึกษา ช่วง การศึกษาของชีวิต ของเรากัน

พอดีเราได้อยู่ห้องครูสายลมก่อนแรกเริ่มเลย การเรียนของเรานี่ช่วงแรกๆก็ถือว่าดีเลยนะ แต่มีมาช่วงใกล้เปลี่ยนเข้าห้องครูเพ็ญศรี เราเริ่มเกเร คบเพื่อนทั้งผู้หญิงผู้ชาย เป็นแก็งค์เลยทีเดียว การเรียนช่วงนั้นเลยไม่ค่อยโอเท่าไหร่นัก แต่ก็อาจเป็นเพราะมันไม่ใช่ช่วงเวลาเรียนจริงๆมั๊งนะ มีบทเรียนของห้องครูสายลมกับครูเพ็ญศรีให้ทำเพียบ จนมาตอนนี้ย้ายมาอยู่ห้องครูปรีชาละ อายุอานามก็ไม่น้อยแล้วแต่ก็ต้องกลับมาเรียนกับเด็กๆ มหาลัย แทบจะเรียกได้ว่า กลับมาแก้ไขการเรียนกันใหม่เลยทีเดียว เพราะ ณ ตอนอยู่ห้องครูสายลม แต่ดันเป็นช่วงชีวิตที่ทางโลกเค้าเรียนกัน แต่แบบฝึกหัดดันเป็นการเดินทาง และการเปลี่ยนแปลง เลยไม่ค่อยได้มีใจได้เรียนทางโลกเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถือว่าพลาดนะ ถือว่าเรียนรู้ไปตามวัยละกัน 

พอมาตอนนี้ได้เริ่มที่จะมองดูชีวิตตัวเองโดยแท้จริง กับการเลือกเรียนสาขาที่แท้จริงที่จะสามารถนำไปประกอบอาชีพที่จะสามารถเอาไว้ดูแลตัวเองและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นได้ด้วย อินชาอัลลอฮ์

และอีกอย่างเราได้เห็นตัวเอง ว่าตอนนั้นการเรียนเราแย่เพราะเราติดเพื่อน ติดแฟน ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการเรียนเท่าไหร่นัก พอมาตอนนี้บททดสอบนี้ต้องผ่านให้ได้เนาะ อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้เรามีสามีแล้ว และไม่มีเวลาติดเพื่อน แต่ใช้เวลาในการให้กับเพื่อนด้วยการให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ เช่นการเขียนบล๊อคแบบนี้

เราได้เห็นตัวเองว่าไม่ค่อยวอกแวกเหมือนเมื่อก่อน และเรียนค่อนข้างได้ดี อินชาอัลลอ อัลฮัมดุลิลลา มีอัลลอคอยนำทางดีแบบนี้เอง อัลลาคารีม สอบยังไงก็ผ่าน อัลฮัมดุลิลลา

ตอนนี้ได้วางเพื่อน วางการสนใจเพศตรงข้ามลง โห..ด้อยู่กับตัวเองชัดๆเน้นๆ มากอ่ะ ได้มีเวลาให้ตัวเองโดยแท้จริง ที่จะเก็บเกี่ยวสิ่งต่างทำวิทยานิพนท์ชีวิตทางทฤษฎี ก่อนที่จะลง จุลสิคปาร์ค ในชั้นเรียนต่อไป 

อินชาอัลลอ อัลฮัมดุลิลลา.. ที่ได้ฮิดายะห์ ให้ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในการใช้ชีวิต ทั้งสิ่งที่ต้องเก็บ และสิ่งที่ต้องส่งต่อ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ ช่วงเวลาหรรษาฮาเฮ กับจุลสิคปาร์คของเรา มีแต่สัตว์ร้ายๆทั้งน้านน..

ที่บอกว่าจุลสิคปาร์คนี่ คือ จุลสคปาร์คญินนะ ไม่ใช่ไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ ขอบอก.. แต่ไม่ได้ขู่นะ ถ้าเทียบทีเร็กซ์ที่มันกินไดโนเสาร์อื่นๆ เป็นอาหาร เจ้าทีเร็กซ์นี่ จิ้งจกไปเลย เมื่อเทียบกับญินที่ไร้ความสามารถที่สุด ในจุลสิคปาร์คของช่วงชีวิตนั้น ซึ่งไม่ต้องกลัว ได้ผ่านทุกคน..ไม่ต้องแย่งกัน อิอิ

สามารถเรียก ช่วงจุลสิคปาร์คนี้ว่า มรสุมชีวิตก็ว่าได้ ไม่รู้เรื่องราวอะไรมากมายมาสุมและบรรจบกันพอเหมาะเหลือหลาย ที่จะซวยได้อีก แต่ลองมองดูอีกทาง เค้าไม่ได้เรียกว่า..ซวย เขารียก ช่วงทดสอบทฤษฎี ถ้าช่วงอยู่ห้องครูปรีชาทำมาดี ยังไงๆ ก็ผ่านง่ายขึ้น แถมถ้าอยู่กับอัลลอฮ์ ง่ายขึ้นอีกเยอะ อินชาอัลลอฮ์ 

จะให้ดีช่วงอยู่ห้องครูปรีชา ก็ตั้งใจเรียนหน่อย ครูให้ทำแบบฝึกหัดก้อทำเยอะๆ มันช่วยได้มากทีเดียว อินชาอัลลอ เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่เหลวไหล ยังไงก็ผ่านน่า..ไม่ต้องกังวล

มีคำถามใช่มั้ย..แล้วจะรู้ได้ไง ว่าช่วงไหนเป็นช่วงไหน แล้วเราอยู่ห้องครูอะไร อันนี้กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ จะเอามาลงเรื่องต่อไป ในเรื่อง คุณแม่ปราณี ละกันนะ อินชาอัลลอฮ์

เกริ่นนิด..

คุณแม่ปราณี แกเป็นคนหย่อนเราลงห้องน่ะ แล้วค่อยมาทำความรู้จักกับแกกันวันหลังละกันนะ

สลาม

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความรัก..การเปลี่ยนแปลงของชีวิต



....เราดูหนังแล้วมองเห็นขึ้นมาอีกอย่างว่า ในทุกช่วงชีวิต การเปลี่ยนแปลงจะนำบางสิ่งบางอย่างเข้ามาในชีวิตให้เราได้เรียนรู้และสนุกไปกับมันเสมอถ้าเรามองให้มันสนุกนะ ชีวิตไม่เคยซ้ำซากจำเจ เพียงแต่เราจะเลือกที่จะรับสิ่งที่เข้ามาหรือเลือกที่จะทิ้งมันไป ชีวิตนำประสบการณ์เข้ามาให้เสมอ และมันก็อยู่ที่เราเองว่าจะลงเล่นทุกอันมั้ย แต่ดูเหมือนเราจะลงเล่นมันทุกอันเลยนะ ดูสนุกทั้งน้านนน..

....ความรักมันมีด้านที่สวยงามของมันอยู่นะ เราเชื่อว่าไม่ว่าความสัมพันธ์ของใครก็ตามถึงแม้จะอยู่กลางพายุ ความรักมันก็ยังสามารถฉายความสวยงามของมันออกมาได้เสมอ เพราะหากเป็นความรักที่แท้จริงของตัวมันเองแล้วละก็ ความรักคือความสวยงาม และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตสวยงาม จิตวิญญาณของเรารู้ดี ด้วยเช่นนี้ จิตวิญญาณของมนุษย์ถึงโหยหาความรักกันทุกดวงจิต ความรักไม่เคยมีเหตุผล ลองถามความสวยงามดูสิ ว่ามันมีเหตุผลอะไรมันถึงสวย ตอบไม่ได้ใช่มั้ย สวยก็คือสวย ไม่มีเหตุผล ถึงจะหา ก็ตอบได้ไม่หมดหรอก เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของจักรวาลที่อัลลอฮ์ทรงสร้างขึ้น จากจิตวิญญาณของพระองค์ พระองค์ คือแหล่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และจิตวิญญาณของพวกเราก็มาจากความรักของพระองค์ 

....บางทีเราเองก็อยากจะรู้ตัวเองเหมือนกันว่า เราหนีมาเพื่อจะเริ่มต้นใหม่แบบเดิมอีกรึป่าว หรือสิ่งที่เราสู้อุตส่าห์อดทนและยอมรับ เรียนรู้ไปกับมันทุกอย่าง มันจะทำให้การเดินทางของเราค่อยๆเป็นเส้นตรงซะที ที่ไม่ใช่ วงกลมที่กลับมาที่เดิม แค่เปลี่ยนเวลาและผู้คน ชีวิตสมควรเดินหน้าและมีประสบการณ์ใหม่ๆ สิ่งที่เราต้องทำคือ ลองเรียนรู้สิ่งใหม่และเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่อยากทำก็ต้องทำ อยากทำก็ต้องทำ ชีวิตจะบอกทางเราเองว่าอะไรควรทำเมื่อไหร่ แค่ต้องนิ่งพอที่จะฟังเสียงหัวใจตัวเองว่ามันกำลังบอกทางว่ายังงัย

อินชาอัลลอฮ์

จินตนาการ..สร้างสสรค์และทำลาย

....ชัยตอนหลอนมนุษย์ด้วยเรื่องราวที่มันเล่าขานในความคิดของเรา จินตนาการของมนุษย์คืออะไร และจินตนาการมีรอยโหว่อะไรที่ชัยตอนใช้มันทำร้ายมนุษย์ได้บ้าง หรือพระเจ้าให้จินตนาการของมนุษย์มาเพื่อทำลายมนุษย์ และเพื่อพัฒนาให้โลกเคลื่อนไปสู่จุดจบ โลกมีจุดเริ่มต้น และมันคงอยู่และมันก็มีจุดจบ เริ่มต้นจากมนุษย์คนเดียว ญินตนเดียว มะลักท่านเดียว สัตว์ตัวเดียว และแพร่กระจายเป็นเผ่าพันธุ์จนถึงวันสิ้นโลก ซึ่งซับซ้อนน่าดู เราได้เห็นจินตนาการของเราที่ทำร้ายเรามาแล้ว และจินตนาการที่ส่งเสริม ทุกอย่างมันมีสองด้านและมันต่างกันโดยสิ้นเชิง เพียงแต่เรามีเวลาและสติพอที่จะใช้ปัญญาแยกแยะมันรึป่าว ส่วนใหญ่ก็จะถูกทำให้หลงลืมเรื่องสำคัญๆที่ควรทำ บางทีก็รู้และวางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไร แต่ก็เลื่อนและผลัดวันทำมัน นี่คือกลลวงที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับอนุมัติซะด้วยให้ทำแบบนี้ เราอยู่บ้านเขาถึงต้องขอความคุ้มครองจากเจ้าของของเจ้าของบ้านอีกที

....ความสัมพันธ์ที่พังลงด้วยอัยน์ของมนุษย์และญิน เราเคยมีความสัมพันธ์ที่อาจเรียกได้ว่ารักแท้ รักที่จริงใจ รักที่ยั่งยืน หากไม่นับความบาดหมางความพยาบาทที่เกิดขึ้น สามารถถือได้เลยว่า นี่คือรักที่งดงามจริงๆ ที่คนสองคนมีให้กัน ที่ผ่านมาเราไม่เคยรู้ว่าอัยน์มีอยู่จริง ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ แถมซ้ำร้ายยังชื่นชอบที่จะทำให้คนรอบข้างอิฉาเราด้วย เพราะเราไม่เคยรู้พิษสงของอัยน์จนเราได้ตาสว่างเมื่อได้มาอยู่ในศาสนาแห่งความจริง ศาสนาที่มีพระเจ้าองค์เดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถคุ้มครองเราและนำทางแสงสว่างให้แก่เราได้มองเห็นความจริงที่มันเป็นจริงๆอย่างชัดแจ้ง และหวังดีกับเราโดยแท้จริง 

ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเรา ไม่ใช่เพียงแต่อัยน์ของมนุษย์เท่านั้นที่รบกวนเรา แต่เรายังเชื้อเชิญญินมาร่วมวงด้วย เชิญมาเองเลย เลยไม่แปลกใจว่าทำไมไม่เคยอยู่กันดีๆ และก็ไม่แปลกใจที่ทำไมถึงเลิกกัน แต่ก็ยังแปลกใจที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ยาวนาน จนเรายอมที่จะหลีกหนี อินชาอัลลอฮ์ 

จนมาถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้ ที่ถึงแม้จะกลับมาสู่วงจรเดิม หากแต่ชีวิตมีฮิดายะห์ ความกังวลก็หดหายไปแทบไม่เหลือ อัลฮัมดุลิลลา พระมหาเมตตาทรงช่วยเหลือเราอย่างมากล้น ว่าเราจะสามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้ด้วยพระเมตตาของพระองค์ อัลฮัมดุลิลลา อินชาอัลลอฮ์ และอย่างสะดวกและง่ายดาย ขอเพียงเป็นคนดี รักษาความดี พระองค์จะทรงคุ้มครอง อัลลาคารีม

....เรากลับไม่รู้ว่า ที่ศาสนาพุทธสอนให้ละและปล่อยวาง เพื่อให้เข้าเป็นมะลัก หรือเพื่อกลับคืนสู่อัลลอฮ์ หรือเพื่อสิ่งใด เพราะศาสนาพุทธไม่เชื่อในพระเจ้า เชื่อในกฏแห่งกรรม หรือหนึ่งในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงให้เป็นบททดสอบขัดเกลาสำหรับมนุษย์เท่านั้น มันเลยทำให้เรายังสับสนอยู่ นักบวชก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายทาง ทำตามทางที่ถูกจริตของตน แต่มันก็อยู่เหนือสิ่งที่เราจะไปวุ่นวาย เราเลือกทางนี้แล้ว ไม่ว่าทางอื่นจะผิดจะถูก เราได้เลือกทางของเราแล้ว 

ศาสนาของท่านคือหนทางของท่าน ศาสนาของเราคือหนทางของเรา 

“อัล กาฟิรูน”

อามัล..ริซกี



....การมองในอีกหนทาง เราทุกคนทีความรักของอัลลอฮ์เป็นอุดมคตินำทางในวิญญาณอยู่ทุกคน เราจะมีบล๊อคของคนรักในอุดมคติชัดเจนมากที่รับรู้ได้เพียงในจิตวิญญาณของแต่ละคน ซึ่งเมื่อเราดีกับตัวเองได้เท่านั้น เราถึงจะสามารถที่จะรู้ได้ว่าคนที่เหมาะสมกับเราที่แท้จริงที่อัลลอฮ์เลือกให้เป็นเช่นไร เราเองยังมองดูว่า ชายคนที่เราเห็นเสมอมองยังงัยก็ยังเป็นคนเดิมเสมอวันยังค่ำ 

ถึงตอนนี้มันทำให้เราได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้วคนๆนี้อาจคือริซกีความรักของอัลลอฮ์ที่เป็นนามธรรมเป็นรูปธรรมในจิตวิญญาณ เป็นวิญญาณนำทางให้เราได้มองเห็นว่าเรามีความรักของอัลลอฮ์คอยนำทางให้เราได้เจอกับคนที่ใช่ จิตวิญญาณเราจะรู้เองว่าคนแบบไหนใช่.. และใครที่ไม่ใช่.. รูปในจิตที่อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้เป็นแม่พิมพ์แก่เรา แต่อาจเป็นดาบสองคมหากคนไม่ใช้ปัญญาติดในรูปนั้น ก็จะทำให้หลงรูปทั้งๆที่นั่นเป็นเพียงคล้ายอามัลที่เป็นแบบอย่างให้เราได้เห็นว่าสายใยความรักที่อัลลอฮ์ให้แก่เราเป็นรูปแบบใด 

ซึ่งในบางทีก็เป็นหนึ่งในการทดสอบเช่นกัน ว่าจะรักอัลลอฮ์หรือจะหลงรักเพียงอามัลริซกีของอัลลอฮ์ บททดสอบช่างมากมายจริงๆ มนุษย์หนอ สำหรับตัวเราเอง เราได้มีโอกาสได้สัมผัสกับอามัลริซกีแห่งอัลลอฮ์และเคยหลงรูปหลงรักมาแล้วทั้งสองอย่าง จนตอนนี้เราได้รู้สึกด้วยฮิดายะห์ของพระองค์ว่าแท้ที่จริงนั่นคือความรักของพระองค์ที่เป็นพิมพ์เขียวให้แก่เรา ถึงคนที่เหมาะสมกับเราโดยแท้จริง เรามองดูอีกอย่างหนึ่งว่า หากเรามั่นคงและลิ้งค์กับอามัลริซกีนี้ได้โดยแท้จริง อามัลริซกีนี้จะเปลี่ยนคนที่จะเดินเข้ามาหาเราหรือแม้แต่เปลี่ยนคนที่เรามีอยู่เป็นไปแบบที่อามัลนั้นเป็น อินชาอัลลอฮ์ 

เพราะด้วยเนื่องจากหากเรามีความชัดเจนในการมองเห็นอามัลริซกีความรักของอัลลอฮ์อันเป็นฮิดายะห์นี้มากขึ้นเท่าใด เราจะมีกระแสที่ดึงดูดคนที่เป็นแบบเดียวกันกับอามัลนี้เข้ามา และหากเราลิ้งค์ได้โดยแท้จริง ตัวเราเองก็จะถูกปรับเปลี่ยนให้ตรงกับอามัลริซกีนี้ด้วย อินชาอัลลอฮ์ และวันหนึ่งอัลลอฮ์จะทรงทำให้เราสองคนได้เจอกันตรงจุดสมดุล ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรามีอยู่แล้วหรือคนที่กำลังเดินเข้ามา แต่ส่วนใหญ่คนเราจะตกหลุมพรางความหลง ตามนัฟซูของตัวเอง เลยมีกระแสตามนัฟซูและดึงเอาคนที่นัฟซูชอบเข้ามา แทนที่จะเป็นคนที่เป็นอามัลริซกี ซึ่งเป็นคนที่แท้จริง หรือที่เรียกว่า คู่แท้นั่นเอง อินชาอัลลอฮ์

....งั้นลองมามอง อามัลริซกีของเราดูซิ ว่าเป็นคนยังงัย และลองมองว่าคนตามนัฟซูเป็นคนยังงัย และคนที่เรากำลังมีอยู่เป็นคนยังงัย จะได้รู้ว่าที่ได้มาเนี่ย ตามนัฟซูหรือพัฒนาแล้วเป็นอามัลริซกีกันแน่ 

อันดับแรกเลย...อบอุ่น รู้สึกเต็มเปี่ยมว่าเป็นที่รัก..คนเดียว รู้สึกเลยว่าความสนใจ ใส่ใจที่อามัลริซกีนี้มีให้ เต็มเปี่ยมเพียงแค่เราเพียงคนเดียว และเราเพียงคนเดียวก็เกินพอสำหรับการดูแลตลอดเวลาสำหรับเค้าแล้ว เพราะสายตาและความใส่ใจให้เราเพียงแค่ตลอดเวลาที่ไม่เคยวางตาเท่านั้นเอง กระดิกนิดก็รู้ นี่หมายถึงจิตนะ ไม่ใช่การกระทำ คงไม่ต้องพูดถึงการกระทำและคำพูดกันให้เมื่อย และรู้มั้ยว่า ถึงจะถูกดูแลตลอดเวลาในสายตาแบบนี้ กลับรู้สึกสบายใจและเป็นอิสระเหลือเกิน เพราะตามใจเราหมด..อิอิ อัลฮัมดุลิลลา 

เพราะอัลลอฮ์ทรงให้ธรรมชาติของนัฟซูเรา อยู่ในครรลองของพระองค์อยู่แล้ว ว่านอนสอนง่าย สอนอะไรก็เข้าใจง่ายและทำตามโดยสะดวก อินชาอัลลอฮ์ อัลฮัมดุลิลลา

อันดับสอง..เป็นผู้มีความรู้ เป็นสัตตบุรุษ ให้ทางนำที่รู้สึกได้จากวิญญาณเลยว่า เค้าให้แต่สิ่งที่ดีและถูกต้อง เป็นที่น่าไว้ใจให้เป็นผู้นำจิตวิญญาณได้

รู้สึกเป็นที่รัก และเรารู้สึกเลยนะว่าคนๆนี้ไม่จำเป็นต้องย้ำคำว่า..คนเดียว เพราะนั่นมันเป็นไปโดยธรรมชาติที่เค้ามีให้เพียงเราอยู่แล้ว เราเป็นของกันและกันโดยแท้จริง

หากแต่สิ่งหนึ่ง คือเค้าวางตัวไม่ค่อยให้เราเข้าใกล้มาก อาจเป็นเพราะเค้ารู้ว่าหากเรายึดติดเค้า ซึ่งยึดไม่ได้ เพราะผู้ที่ควรยึดจริงๆ คืออัลลอฮ์ แต่เค้าเป็นเพียงผู้สื่อสารว่าผู้ที่เราควรเชนกระแส เพื่อให้ได้รับผู้ที่เป็นผู้แท้จริงในดุนยาอันเป็นริซกีที่แท้จริง อามัลริซกีคือพิมพ์เขียว ริซกีที่แท้จริงคือผู้ที่พิมพ์เขียวทรานซ์เฟอร์เป็นรูปธรรมจับต้องได้ในดุนยา อินชาอัลลอฮ์ และเราควรที่จะลิ้งค์กับพิมพ์เขียวให้เห็นเต็มที่ว่าเป็นอย่างไรให้ชัด ถ้าอัลลอฮ์ให้ เราก็จะได้คนแบบที่เราเห็นตัวตนชัดเจนที่พิมพ์เขียวเป็น แต่ต้องชัดเจนในตัวเองจริงๆนะ ถึงจะโอเค อินชาอัลลอฮ์ 

อีกอย่างอามัลริซกีนี้ ขนาดเวลาเคืองเรากระแสรักยังท่วมท้น แต่เพิ่มแค่เคืองอารมณ์เพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง ไม่มีรักน้อยลงแม้สักนิด น่ารักจัง ชอบแบบนี้อ่ะ เอาแบบนี้เลยที่เดียว..จัดเต็ม

ตัวใหญ่หนาๆ หนันๆ กล้ามเต็มแน่นปึ๊ก กอดอุ่นมากๆเลย แต่ไม่เห็นเคยกอด เห็นแต่นั่งอยู่บนหัว นั่งเฝ้า น่ารักดีนะ พอเอามือไปแตะก็สะดุ้ง จะสะดุ้งทำไม ก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไม่เข้าใจ พอแตะก็มาทำหน้าบึ้ง มาจิกหลังอีก..เอ่อ ใช่คนเดียวกันกับที่รักเรานั่นป่าวฟะ ท่าทางคนละคน

ทำไมเวลาผู้ชายเข็มแข็งเห็นคนที่ตัวเองรัก ต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะ ท่าทางอาจเพราะกระแสของเราทำให้เค้ารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง และคัดค้านในตัวเองรึป่าว หรือมันมีเหตุผลอื่นที่เห็นเมื่อไหร่ก็เมินใส่ หรือไม่ก็แกล้งให้เจ็บเวลาไปใกล้มาก หรือทำร้ายเลยถ้าเข้าใกล้รุกล้ำพื้นที่มากๆเข้า อะไรของเค้านะ

พอจะไปอยู่ห่างๆ ก็ห่วงหา ก็เศร้า เอ่อ..เป็นไรมากป่าวเนี่ย เฟสก็เป็น สามีก็เป็น หรือเราเป็นคนทำให้เค้าเป็น น่าคิดๆ เพราะเราคิดเมื่อไหร่ เราก็ทำแบบเดียวกันนี้ หรือถูกทำแบบเดียวกันนี้ หรือเพราะเราเป็นคนสร้างพิมพ์เขียวนี้เองจากภายใน เราหมายถึงอัลลอฮ์ทรงสร้างเราแบนี้ และมันก็ดึงดูดให้ผู้ชายที่เรารักจะทำแบบนี้กับเราเพราะเราถูกวางไว้ให้ต้องการแบบนั้น

อินชาอัลลอฮ์

เตาบัต..การกลับตัว


....อัลฮัมดุลิลลา 

เราได้ค้นพบสิ่งอันนำพาความเบิกบานใจที่นำพาชีวิตให้เป็นสุขทั้งกายและใจได้หนึ่งอย่าง และเป็นหนึ่งอย่างที่ทรงพลานุภาพมากที่จะขับเคลื่อนการดำรงของชีวิตให้มีความสุขสันติ และหัวใจได้รับความสุขสงบที่แท้จริง นั่คือการเตาบัตตัวต่ออัลลอฮ์ เพียงกลับคืนหาพระองค์ ขออภัยในสิ่งที่ทำผิดและทำไปโดยไม่รู้ เพราะมนุษย์ทำผิดทุกวัน และทำผิดแทบทุกนาทีจากความไม่รู้ เผลอเรอ ประมาท และหลงผิด สิ่งเหล่านี้ที่เราทำไปเรื่อยเปื่อย คิดว่าไม่ผิด และไม่เตาบัตตัว จนเปิดประตูให้กับสิ่งมืดมัว เข้ามาสู่ชีวิตและทำให้หัวใจที่เคยใสสว่าง กลับมืดมัวทีละน้อยๆ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวหัวใจก็อาจมือบอดไปแล้ว จนกลายเป็นรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่คิดจะเตาบัตตัว เกิดความขี้เกียจ คร้านในการทำอิบาดะห์ ทำแค่ให้พอผ่านๆไป เพียงเท่านี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงหัวใจที่ควรต้องได้รับการเยียวยาได้แล้ว 
เราไม่สามารถรู้ทันสิ่งแปลกปลอมได้ในทุกขณะจิตหรอก แต่เราล้างมันได้ในสามชั่วโมง และนั่นคือพระมหาเมตตาของอัลลอฮ์ที่พระองค์ทรงรู้ดีว่า มนุษย์สามารถทำผิดได้โดยง่ายและหัวใจอ่อนแอ ถูกทำให้มืดบอดโดยง่ายนั่นเอง 
พระองค์จึงสั่งใช้ให้เราทำละหมาด เพราะเพียงการทำวูดูอ์ ก็สามารถเป็นขั้นตอนแรกที่บาปถูกชำระล้างไปได้แล้ว และเมื่อเข้าสู่การละหมาด และขออภัยโทษ บาปนั้นก็จะค่อยร่อนหลุดไป และเมื่อเราทำละหมาดซุนนะ บาปทั้งหมดของเราก็จะหลุดออกไปเนื่องด้วย ท่านรอซูลได้สอนไว้ว่า บาปต่างๆของเวลาที่ผ่านมาจะถูกลบล้างจากการทำละหมาดในครั้งต่อไป นั่นคือ บาปของระหว่างเวลาฟาร์จ ก็จะถูกลบล้างไปใน โดฮาร์ หากเราทำละหมาดดุฮา มันก็จะถูกลบล้างไประหว่างนั้น อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้แก่เรา โดยหากเราทำผิด อัลลอฮ์จะทรงยังไม่ให้มะลักบันทึกบาปลงไป หากภายใน ๓ ชั่วโมงเราไม่ขออภัยโทษ บาปนั้นถึงจะถูกบันทึก หากเราเตาบัตตัวต่ออัลลอฮ์ภายใน ๓ ชั่วโมง บาปที่เราทำไปก็จะถูกลบล้างไป อัลลาคารีม พระมหาเมตตาช่างยิ่งใหญ่นัก 

นมาซซุนนะ..มีให้ทำเยอะแยะมากมาย ได้ทุกเวลา ได้ทุกนาที ขอให้ทำเถอะ แต่ที่เป็นปัญหาคือ ตัวเราเองต่างหากที่ไม่ยอมทำ และขี้เกียจที่จะทำ เราเองที่อธรรมต่อตัวเองโดยแท้จริง ช่างน่าอดสูใจนัก มนุษย์หนอ ต่างพยายามขวนขวายให้ชีวิตมีทางออกที่ดีขึ้น แต่มีส่วนมากเหลือเกินที่ขวนขวายในทางที่ผิด แถมยังไม่พอส่วนใหญ่อาจเป็นการขวนขวายหาทางลงสู่ที่ต่ำเองไปซะงั้น

อัยน์..ศรพิษแห่งความริษยา

....ว่าด้วยเรื่อง..อัยน์ หรือฮาซาด สายตาแห่งความริษยา เท่าที่ได้ศึกษาและได้ประสบกับตัวเองมา การโดนอัยน์ไม่ใช่มีเพียงแต่ในอิสลาม สายตาแห่งความริษยามีทั่วโลก และมิใช่เพียงโลกมนุษย์ ยังลามไปถึงโลกของญิน ขนาดเรามองไม่เห็นมัน มันยังตามมารังควานอิจฉามนุษย์อีกหนอ แค่มนุษย์ด้วยกันเองอิจฉากันเองก็ปั่นป่วนจะแย่แล้ว นี่พ่วงเอาญินยกกำลังสองมาด้วย ชีวิตจะอยู่รอดปลอดภัยยังไงไหว ถ้าไม่มีพลานุภาพของอัลลอฮ์ทรงคุ้มครอง..

อัลลาคารีม

ความร้ายของอัยน์ เบาสุด..คนที่ถูกอัยน์ก็อาจจแค่รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก หายใจไม่ทั่วท้อง ครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่สบายตัว หนักขึ้นมาหน่อยก็ทะเลาะกันจนแทบจะเลิกกัน ถ้าอย่างหนักเลยก็อาจถึงขั้นหย่ากันไปเลย และอีกทางอัยน์มีผลให้คนโดนอัยน์อาจไม่สบาย ระดับความหนักของอาการก็ขึ้นอยู่กับระดับของอัยน์ อัยน์บางอันอาจทำให้คนเป็นลม และอาจถึงตายได้เลยด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับจิตที่มุ่งร้ายมีมากมายเพียงใด บางคนอาจได้รับอุบัติเหตุ หรือวิญญาณร้าวจนเป็นคนอ่อนแอไปตลอดชีวิต หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นพิการเลยก็ได้ ช่างร้ายแรงแท้ อานุภาพของฮาซาบนี้

และอัยน์นี่เองคือเครื่องมือที่ไชตอนใช้มนุษย์และญินในการทำร้ายมนุษย์อีกคนหนึ่ง อัยน์ของคนหนึ่งอาจมาจากความเครียดของเขา และมากระทบเราได้ด้วย ในอาการเช่นนี้ คนที่ถูกรังสีของอัยน์เครียด จะรู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน และเนื้อตัวจะมีกลิ่นแรงฉุนขึ้นมามากขึ้น อยากอาเจียร เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ ควรออกห่างคนที่เครียดคนนั้น หรือถ้าออกห่างไม่ได้ ก็ควรหาทางให้เค้าได้ผ่อนคลายลงและเราก็ควรไปอาบน้ำวูดูอ์เพื่อล้างพลังงานสกปรกนี้และขอดุอาอ์หลังวูดูอ์ให้ปลอดภัยจากความชั่วร้ายทั้งปวง

ว่ามาถึงขั้นตอนของอัยน์ พื้นฐานของอัยน์ โดยแท้จริงมาจากการที่หัวใจไม่มีความพอเพียงในสิ่งที่ตนมีอยู่และสิ่งที่ตนได้รับจากอัลลอฮ์ แต่อยากมีเหมือนอย่างที่คนอื่นมีบ้าง แต่ถ้าไม่อาจมีได้เหมือนเขา จิตก็อยากจะทำลายลงไปให้เขาไม่มีเหมือนตน หรืออาจร้ายแรงกว่าถึงขั้นทำลายคนๆนั้นไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยก็ได้ อัยน์จะแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความมืดของจิตและความแข็งแรงของจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือถ้ามีทั้งสองอย่างครบก็เป็นอัยน์ที่ร้ายแรงมากทีเดียว 

ว่ามาถึง ฮาซาด..ฮาซาดหมายถึงการที่คนๆหนึ่งเห็นคนๆหนึ่งมีอะไรดีมากกว่า เช่นเห็นคนนี้รวยกว่า ที่จิตอยากให้เขาจนและเอาความรวยของเขามาใส่ตัวเอง อันนี้ก็น่ากลัวนะ น่ากลัวกันไปคนละแบบ ฮาซาดคือการทำลายสิ่งที่คนอื่นมีอยู่แล้วดึงมันมาเป็นของตน ส่วนอัยน์สามารถพุ่งออกไปได้โดยบางทีเจ้าตัวไม่ทันระวังตัวด้วยซ้ำ แต่ฮาซาดเป็นการตั้งใจ มีเจตจำนงค์ในผลที่ต้องการ แต่อัยน์อาจไม่ต้องการเข้ามาหาตัวเอง และไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี เห็นแล้วมันร้อน มันอิจฉาทำให้หัวใจมันร้อนผ่าว เป็นฐานแรงๆที่พุ่งออกไปหาคนอื่น ถึงเรียกอัยน์ว่า ศรพิษแห่งความริษยา

....เราได้เห็นหนึ่งอย่างในตัวเราและสามี เหมือนกันเด๊ะ และไม่แปลกใจว่าทำไมเราสองคนถึงโดนอัยน์กันเป็นว่าเล่น เพราะเป็นคนชอบอวด ถึงแม้จะพยายามถ่อมตัว เก็บตัว อายไม่กล้า แต่กระแสที่แผ่ออกมา คืออวดว่าเรามี เราแตกต่าง ชอบทำตัวให้แตกต่าง และก็มาเจอกัน ก็เข้ากันได้ดีทีเดียวในการดึงอัยน์เข้ามาหาเรา และทะเลาะกันวุ่นวายไปหมด เรากับความสัมพันธ์เก่าก็เหมือนกัน เพราะเราเป็นคนชอบแสดงออก ชอบอวดคนอื่นว่าเรามีมากกว่านะดูสิ เรามีๆ เลยกลายเป็นพฤติกรรมริยะอ์เต็มตัวเลย แล้วมันเป็นสันดานแบบนี้ อามัลอะไรก็ร่วงหมดสิ ลาคัตตัลลัลลา

ต้องปรับปรุง ต้องปรับปรุงมากๆ มีคำเตือนแล้ว ให้ระวังการหลงในคำเยินยอ เพราะตัวเองเป็นบ้ายอ เจอคนยอเลยไปใหญ่เลย ไฟลามทุ่งเลยทีนี้ อัลลอฮ์ส่งคุณพี่มาเป็นของขวัญทดสอบจริงๆ ให้ได้เห็นโดยแท้จริง เราเป็นคนชอบอวด และกติกามีอยู่ว่า รู้อะไรที่ได้มา ถ้าพูดออกไป จะสลายกลายเป็นของคนอื่น เหมือนเป็นการถ่ายโอนพลังงาน คนขอเปิดและคนปล่อย แล้วมันจะไปหาใครล่ะ ชอบสอนชอบพูดบอก แล้วจะเหลืออะไร ก็ว่านักบวชโบราณเค้าถึงเงียบกันจริง ไม่เจื้อยแจ้ว เข้าใจละๆ แต่จะทำได้มั้ย เห็นทีไรก็นิสัยเนาะ เด็กชอบอวด ถึงจะอวดแบบซื่อๆใสๆ แต่มันก็เป็นการอวด บ่มเพาะการอวด ถึงจะดูน่ารักแต่มันเป็นนิสัยไม่ดี สั่งสมมากๆ มันจะเข้มข้นขึ้นโดยปริยาย

อินชาอัลลอฮ์

เจาะ..จิตใต้สำนึก



....ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมเลิกคิดถึงเฟสไม่ได้ซะที ดุอาอ์ก็แล้ว สูญูดก็แล้ว ทำอุมเราะห์ก็ว่าขอนะ เมื่อก่อนคุณท่านจะมาเข้าฝันช่วงเป็นประจำเดือนเนาะ ช่วงหลังนี่ มาไม่เลือกเวลาเลย แบบว่า ฉันเปิดประตูเองได้ ไม่ต้องเลือกเวลา..ว่างั้น 

รู้มั้ย ขนาดวันนั้นเราลองลงใจให้สงบแล้วเห็นอะไรให้จิตหลายอย่าง ไม่รู้ว่าเชื่อได้มั้ย เป็นจิตตัวเองหลอนตัวเองรึป่าวไม่รู้ แต่มันสามมิติมากมาย เราว่าคนที่เค้าสะกดจิตเค้าต้องใช้วิธีนี้ในการรักษาโรคที่รักษาไม่หายแน่เลย เพราะเรารู้สึกว่า อินชาอัลลอฮ์ หลังจากที่ลงไปในจิตแล้ว เห็นอะไรๆ ได้แก้ไข หัวใจมันโล่งขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ถึงมันจะไม่หายขาดแต่ก็ไม่กดดันมากเหมือนเมื่อก่อนนะ เหมือนมันค่อยๆละลาย ค่อยๆเยียวยา 

อินชาอัลลอฮ์รู้สึกว่า เห็นคุณค่าของตัวเองเพิ่มมากขึ้น เหมือนสิ่งที่มันขวางกั้น มันหายไป ใจมันเลยโล่งขึ้น ไม่ถูกบีบเหมือนเมื่อก่อน และคิดว่าการเลือกคนที่ใช่ ที่เหมาะสมให้เรา เป็นคนที่แสนดีและซื่อสัตย์ มอบคุณค่าชีวิตของเราให้ทั้งชีวิต มันก็เป็นสิ่งที่ดีงามที่เราควรมอบให้แก่ชีวิตตัวเอง

....คุณเป็นใคร มาจากใครคือคนที่คุณคบด้วยและคนที่คุณเลือกที่จะอยู่ใกล้ แต่อีกอย่างก็คือ มันอยู่ที่ว่าความเข้มข้นของความดีหรือความชั่วของฝ่ายไหนมากกว่ากัน ก็จะละลายพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นตามไปโดยปริยาย อยู่ที่คนที่เข้มแข็งกว่าจะคงความต่อเนื่องหรือความเสถียรของพลังงานนั้นๆ ได้ไว้ตลอดหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่แข็งแรงกว่าจะไม่โดนอะไรเลยนะ พลังงานเมื่ออยู่ใกล้กันย่อมหลอมรวมกัน คนที่ดีอยู่กับคนชั่ว จะบอกว่าใจไม่หมองเลย เป็นไปลำบากมาก เพราะเวลาที่เราอยู่ใกล้ขยะ ถึงเราไม่แตะขยะ  แต่กลิ่นมันก็ซึมเข้าเนื้อตัวเสื้อผ้าโดยไม่ได้รับเชิญอยู่แล้ว ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ อะไรที่ตรงกันข้ามกันมากๆ ก็จะมารวมกัน หรือบางทีคนดีมากกับคนชั่วมากโคจรมาพบกัน เพราะในส่วนลึกของคนดีนั้นมีส่วนที่ชั่วเหมือนกันและเข้ากันได้กับคนที่ชั่ว และส่วนดีของคนชั่วที่มีอยู่ในส่วนลึก ก็เข้ากันกับความดีส่วนใหญ่ของคนดี หากแต่การรวมกลุ่ม คนคล้ายกันจะรวมกลุ่มกันนั่นคือความจริง หากเราตั้งตัวไว้เป็นคนที่ชอบแปลกแยก ไม่ชอบเหมือนใคร ชอบโดดเด่น เชื่อได้เลยว่าเราเองนี่แหละที่จะดึงคนแบบเดียวกันนี้อย่างหลากหลายเข้ามาในชีวิต โดยบางทีเราเองอาจรู้สึกว่า ทำไมเราต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วยนะ แต่กับไม่ได้มองลงไปลึกๆ ว่าเพราะความชอบแปลกแยกถึงดึงให้มาเจอกันได้ และพอพูดถึงความแปลกแยก เค้าก็อาจไม่เหมือนเราเลย อาจชั่วกว่า ดีกว่า หรือแตกต่างกันสุดขั้วจนไม่น่าจะมาอยู่ใกล้กันได้ แต่มาเจอกันได้ เพราะชอบแปลกแยกอย่างเดียวเท่านั้นที่เหมือนกัน และเป็นเครื่องดึงดูดแรงซะด้วย โดยที่เราไม่รู้พื้นฐานเลยว่าทำไม

มาลองดูการสำรวจหัวใจ จิตใต้สำนึกกันมั้ย ลองนั่งลงหรือนอนลงบนที่ที่เรารู้สึกสบายใจ และผ่อนคลาย ในท่าที่ผ่อนคลาย สบายๆที่สุด แล้วสูดลมหายใจช้าๆ ลึกๆ ซ้ำๆ กันไปสักพัก แล้วเริ่มคิดแบบมีสติ..

....เราลองคิดถึงหาดทราย ตอนแรกคิดไม่ได้เลย คลื่นรบกวนเยอะมาก เลยขอดุอาอ์ก็สบายขึ้น ค่อยๆบอกตัวเอง ยืนอยู่บนหาดทรายสีขาว ทรายละเอียดนุ่มเท้า นุ่มกว่าทรายแก้วที่เกาะเสม็ดอีก ใต้ฝ่าเท้าเป็นไข่มุกหลากสี ทับทิมและมรกต เต็มไปหมด และทั้งหมดนี้ก็เป็นของๆเรา และเราเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองมัน และมันมีค่าเพียงอยู่ใต้ฝ่าเท้าเรา เป็นกรวดนวดเท้ายามเราย่ำเดิน พยายามบอกกับตัวเองให้หันหลังกลับ ตอนแรกก็ไม่ยอมหันนะ มันมีคลื่นแทรกตลอด พอหันไปก็พยายามจะมองว่าบ้านของเราเป็นยังงัย มันเป็นคลิสตัลเป็นแท่งมหึมาเลย เป็นภูเขาเลยสวยงามมาก แต่มีเถากุหลาบสีดำเลื้อยขึ้นขวางอยู่ เราก็พยายามมอง เราพูดอะไรซักอย่าง ดอกกุหลาบที่เป็นสีดำทั้งต้นก็ค่อยคลีกลีบสีดำจนเห็นเป็นสีแดงและคลี่จนเห็นด้านในสุด มันเป็นกรงขังตัวอะไรซักอย่าง รู้สึกแปลกใจว่ามาไงฟะ..(พอถึงตอนนี้ จิตมันไหลไปเองแล้ว เหมือนเราเป็นเพียงคนนั่งดู การเลื่อนไหลของสายน้ำ ไม่มีส่วนร่วม มีแต่การเฝ้ามองอย่างมีสติ) ข้างในมีตัวประหลาดอะไรซักอย่างน่าเกลียดมากเท่าที่รู้สึก เละๆเน่าๆ และที่แน่ใจได้คือ กระแสเกลียดเรา..เต็มร้อย มีเสียงบอกเราให้เปิดกรงสิ...โอว คิดได้ไงเนี่ย เปิดให้มันมาฆ่าเราเหรอ กระแสจงเกลียดจงชังขนาดนั้นน่ะนะ...แต่เราก็รู้สึกถึงกระแสแห่งการปกป้องที่ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเราได้ และไม่มีความเคลือบแคลงเลยว่ามันจะไม่จริง เราก็เดินไปเปิด และถอยมาก้าวนึง ไอ้ตัวที่อยู่ในนั้นมันเป็นตัวเมีย มันยืดได้เหมือนเยลลี่หนืดๆ ที่พยายามจะมาให้ถึงเราให้ได้ แต่คนที่อยู่ข้างๆเราจับทุกไอ้ยืดๆนั้นไว้ทันทุกอัน ถึงแม้มันจะรวดเร็วเป็นปลาหมึกแค่ไหนก็ตาม จนเรารู้สึกเลยว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เค้าทำอะไรเราไม่ได้ เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ เราเชื่อเต็มหัวใจและหัวใจเราก็ไร้ความกลัวไปโดยปริยาย ตัวที่ว่านี่มันร้องอย่างอาฆาตว่า...

แกไม่ควรจะได้อะไรแม้แต่ซักอย่างเดียว ทุกอย่างมันควรเป็นของชั้น เป็นของชั้นคนเดียวววววววววว....

แอ็คโคมาก เราก็เลยได้รู้เลยว่า ไอ้เสียงนี้แหละที่มันขวางเรามาเสมอ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่คู่ควรที่จะได้อะไรทั้งสิ้น นี่ขนาดมันถูกขังไว้ในกรงแถมหุ้มด้วยกุหลาบยักษ์นะ มันยังทำได้ขนาดนี้ ความเกลียดของมันช่างมุ่งมั่นนัก ถ้าเอาความมุ่งมั่นนี่มาทำอิบาดะห์ คงไปสวรรค์เร็วกว่าเราอีกนะเนี่ย คนนี้เนี่ย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร มันทำเอง เราเดินเข้าไปเอามือจับที่หน้าผากเค้า แล้วบอกประมาณว่า ขออัลลอฮ์ทรงโปรดประทานความสุขสันติจงมีแก่เธอเถิด ขอให้เราทั้งสองจงหมดภาระผูกพัน และเราขอปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แล้วเค้าหายบ้าเลยนะ อัลลอคารีม ด้วยพระมหาเมตตาอิ่มเอิบให้หัวใจเค้า..ให้อภัยในกันและกัน และเค้าก็หายไปพร้อมกับเถากุหลาบ เปิดเผยบ้านคริสตัลของเรา โหห..อัลลอฮ์ ใหญ่โตมาก สวยมากด้วยมันขาวใสสะอาดยิ่งกว่าหิมะอีกอ่ะ เราว่าจะเดินเข้าไปหาห้องน้ำแต่เผอิญไม่มี ก็ตามสูตรที่เคยเรียนมาใน โอนไซชิคไง แต่มันไม่มี เลยช่างมัน คิดๆก็เหงาๆ เลยถามว่า หนูถามถึงคนที่ใช่ของหนูได้มั้ย แล้วเค้าก็ปรากฎ แต่เป็นสามีเรานะ เอ่อ.. นึกว่าจะเป็นคนอื่น แต่เราก็คลางแคลงใจในความรักของเค้ามาเสมอ แต่เค้าบอกเราในสิ่งที่เรารู้สึกรอคอยมาตลอด คือ เค้ารักเราคนเดียวและจะรักคนเดียวตลอดไป

 อินชาอัลลอฮ์ 

ไม่มีที่เหลือเผื่อใครอีกแล้ว พอแล้วเพียงเรา เราดีใจนะ เพราะไม่ได้อยากได้ใครใหม่อยู่แล้ว สามีคนเดียวพอแล้ว แล้วเราก็บอกเค้าว่า ในเมื่อเค้าให้เราได้ เราก็ให้เค้าได้เหมือนกัน เราเลยจูงมือเค้าไปที่หอคอยเป็นโดม เปิดเข้าไปเป็นหัวใจรักที่เรามีให้เฟส และเราก็เปิดมันออกและเข้าไปสวมกอดอย่างรักมากต่อหน้าสามีแหละ ไม่ปิดบังเลย ก็รักมากอ่ะและบอกสามีว่านี่คือคนที่เรารักมาก มากมายจนพระเจ้าเมตตาให้หัวใจดวงใหม่กับเราให้รักสามี เพราะเรารักคนๆนี้ไปหมดแล้ว แล้วเราก็จูงเค้าออกมา สลามกับสามีและเราก็บอกเค้าว่า เราขอปลดปล่อยเฟสให้กลับไปหาคนของเค้า ไปหาที่ที่เป็นของเค้าจริงๆ อย่างหัวใจปลดปล่อยอย่างแท้จริงนะไม่เหลือเผื่อไว้เลย ปล่อยไปเลย เพราะเราพอแล้ว อัลลอฮูเอ๊กแบร์ 

รู้มั้ย เค้ากับสามีกลายเป็นควันและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรางงเลย อ้าวไหงไม่ไปล่ะ มีเสียงบอกเราว่า ที่ของเค้า คือเค้าเป็นของเราและจะไม่เป็นของคนอื่น ที่ของเค้าคือที่นี่และเค้าจะไม่ไหนนอกจากที่นี่ ในความรักของเรา โห..อัลฮัมดุลิลลา รอมัตโดยแท้จริง ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ พูดจริงนะ นี่ไม่ได้สร้างเองนะ มันไปเองเหมือนเราดูหนังเลย เพียงแต่เราเลือกแสดงเหมือนเราเลือกตอบสนองชีวิตบนโลกเลยอ่ะ แปลกมาก และเราเลยถามคนที่บอกว่า โกหกป่าวเนี่ย ไชตอนรึป่าว เค้าบอกว่าเปล่า เราไม่ใช่ไชตอน มะลักของอัลลอไม่โกหกและไม่มีเหตุผลที่จะโกหกและไม่มีวันโกหก 

แต่ก็ช่างเหอะ เราไม่รู้ว่าใช่รึป่าว แต่ก็ขอบคุณมากที่มาบอก และช่วยเหลือ และเราก็รู้สึกว่า เราเองก็ปรับตัวไม่ค่อยถูกที่สามีมีเฟสกับสามีมารวมกัน แถมรักเรามากมายอีกต่างหาก ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยวางใจได้เลยว่าถูกรักจริงๆรึป่าว เฮ้อ..น่าสงสารแท้ตัวฉัน กลัวว่ามันจะไม่จริงเลยไม่กล้ารับ กลัวเค้าเอาคืนแล้วเราจะเก้อ แล้วต้องเสียใจอีก ไม่อยากเสียใจ ไม่กล้ารับ นี่คือความคิดตอนนี้นะ 

แต่ที่เราเห็นในนั้นคือ คนที่เป็นเรายืนจับมือกับสามีที่รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว แล้วบอกเราว่า ที่นี่สมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาของเราต้องกลับไปใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์แล้ววันนึงก็จะได้กลับมาที่นี่ ในสภาพนี้ที่เราเห็น แล้วที่เห็นนี่มันอะไรอ่ะ สวรรค์เหรอ หรือที่อยู่หลังความตาย กุโบร์อี้ กุโบร์งดงามเนาะ มาชาอัลลอฮ์ อิอิ ได้แบบนี้ก็อิ่มเลย

ที่เล่ามายาวมากนี่คือจะอธิบายถึงสิ่งที่เราบอกไปแต่แรกว่า ทำไมถึงยังคิดถึงเฟสแล้วไม่ลืมเค้าซักที ดูสินี่ขนาดสามีมาบอกรักแล้วนะ แล้วเป็นครั้งสุดท้ายแล้วด้วย ขนาดแม่น่ากลัวนั่นยังหายไปโดยสันติเลย แต่นี่ เค้าไม่ไป เค้าหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสามีผู้ที่รักเราคนเดียว...ชื่นใจจัง อัลฮัมดุลิลลา

แต่เราเห็นนะ ว่าปราสาทคริศตัลของเราไม่มีใครเลย มีคนรับใช้ผู้ชายตัวเล็กๆ คนเดียวมั๊ง แล้วก็มีคนดุ้มครอง เห็นแค่นั้น เพราะเราเจตนาไม่ต้องการใคร ไม่ต้องการคนรับใช้คนไหน เหนื่อยมากแล้ว ไม่เอาแล้ว 

และอีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่า กว่าเราจะได้ความรักที่แท้จริงเช่นนี้จากสามี คือเราต้องตายก่อนรึป่าว แล้วเค้าก็ตายตามมาบอกรักเราเนี่ย โอว..ช้ำใจจนตายเลยอี้...ลาคัตตัลลัลลอ ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นหมายความว่า เราต้องหลงคิดถึงเฟสไปจนตายจริงๆ ใช่มั้ย ไปตามที่เค้าบอกเลย อย่างลืมเราไปตลอดกาล เป็นเช่นนั้นจริงๆแล อินชาอัลลอฮ์ ประดุจคำสาปเนาะ ทำไมไม่แถมมาอีกหน่อย ว่ารักนะ คนดีด้วยอ่ะ อิอิ แต่ไม่รู้นะ เราอาจจะเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อย แต่รู้มั้ยว่าเราเชื่อคำพูดของผู้ชายที่เราเจอแค่ สองวัน คบกันแค่ สองเดือน คุยกัน เจ็ดครั้ง ตอนที่เค้าบอกเราว่า มันดูเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะมีเพื่อน แต่เธอคือคนที่สำคัญกับเราที่สุด และเราก็อยากเจอเธอ แถมหมอดูตอนนั้นยังคอนเฟิมอีก ว่าเค้ามาเพื่อมาหาเราครึ่งนึงเลย ขนาดนั้นนั้นเนาะ ก็อวยกันให้เหลิง แล้วไงล่ะ .. ชักแหง็กๆๆๆ อยู่นี่ไง ..เฮ้อ

เพราะแบบนี้แหละ ถึงไม่อยากยอมจะเปิดรับอะไร มาแล้วก็ทิ้งไป หลอกให้รักแล้วก็ทิ้งให้คิดถึงจนทำไงก็ไม่หายอยู่นี่ไง ผลไง ถึงไม่กล้าเปิดใจรับความรักอีก กลัวนะจริงๆ บอกตรงๆเลย เราจะเป๋เลยถ้าสามีบอกรัก เราเลยทำเป็นตลกโปกฮา ให้มันขำจะได้ไม่หวานมาก ใจจะได้ไม่หวังให้เค้ามารัก แต่อยากให้รักนะ แต่กลัวว่าเค้าจะทิ้งไปอีก มันไม่รับแล้วอ่ะ กลัวจริงๆ ขยาดเลย ที่เฟสทำแบบนี้ เข้าใจถ่องแท้เลยที่บอกว่า ความรักครั้งใหม่นี่จะยากมาก ต้องใช้พลังมหาศาล เพราะอดีตเป็นตัวขวาง ดูเหมือนไม่ใช่แค่เรานะ ท่าทางสามีเราก็โดนแบบเดียวกัน แล้วจะรักกันยังงัยละเนี่ย เราเคยบอกสามีตอนที่เจอกันครั้งแรกว่า.. เราสองคนแปลกนะ เราเป็นคนที่รักกัน แต่เราไม่กล้ารักกัน จนถึงตอนนี้เราก็พยายามจะรักกันอยู่เลย ก็ยังไม่กล้ามากนัก สามีอาจกล้ามากกว่าเราซะอีก กลายเป็นแบบนี้ไปซะ เฮ้อ..ต้องเยียวยาตัวเอง..ต้องเยียวยาจริงๆ 

แต่รู้มั้ยว่า กับสามีเราแต่งงานกันมาปีกับสองดือน คบกันมาสองปีสองเดือน ตอนเค้าบอกเราว่า เค้ารักเราและเราเป็นคนสำคัญของเค้า เรายังไม่เคยเชื่อเลย เพราะกระแสจากใจมันไม่เชื่อเองเลย มันเจาะไม่เข้าเลยนะ กับสามีนี่ เราต้องขออัลลอฮ์เช่นกัน แต่ขอให้เรายังสามารถรักเค้าได้จนถึงวันสุดท้ายของเวลาฮาลาลของเรา อย่าให้เราต้องอยู่กับเค้าแบบชีวิตชั่วร้ายแบบที่เราเคยได้รับมา ๑๑ ปีนั่นเลย รับไม่ไหวจริงๆ แบบนั้น ขอผ่าน ไปป้ายหน้าเลยถ้าเป็นแบบนั้นนะ อัลฮัมดุลิลลา อัลลอฮ์ก็ทรงเมตตามหาศาล ให้เรายังรักเค้าได้ เฮ้อ..คนที่ทิ้งไป เราขอให้ลืมกลับย้ำหนักเข้าไปอีก คนที่อยู่ด้วยควรจะรัก แต่เรากลับต้องขอดุอาอ์ให้เรารักเค้าไปจนหมดเวลาวินาทีสุดท้ายด้วยเถอะ แปลกแท้บททดสอบนี่ อินชาอัลลอฮ์ 

วันนึงมันจะมีจุดจบของมัน แต่เราต้องหาให้เจอ ว่าสิ่งใดที่จะทำให้เราสอบผ่าน แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลาดีกว่า ไม่เร่ง อัลลอฮูวาลัม แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เพราะทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน หากสิ่งที่เราเห็นคือจุดจบ 

อย่างน้อยเราก็แน่ใจได้ว่าวันนึงถึงแม้จะตายไปแล้ว สามีจะรักเราคนเดียว และเค้าจะรู้ตัวซะทีว่าเค้ารักเราคนเดียวจริงๆ อินชาอัลลอฮ์ ก็จะได้ไม่หวังในโลกดุนยาว่าเค้าจะรักเราคนเดียว เพราะมันคงเป็นไปได้ยาก เอามือเคลื่อนภูเขายังง่ายกว่าเลยมั๊ง ที่จะเปลี่ยนผู้ชายคนนี้ให้มารักเราคนเดียว คงต้องรอเราตายแหละเค้าถึงจะรู้ว่าเค้ารักเรา และเรามีค่าควรให้เค้ารัก หรืออะไรก็ช่าง อินชาอัลลอฮ์ ละกัน ปลอดภัยที่สุด จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ได้ก็ได้ก็คงแปลกใจ และต้องปรับตัวให้รับ..ปัญหาอีกตู ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว เพราะใจตอนนี้ก็ไม่พยายามรับอะไรอยู่แล้ว กลัวจะต้องเสีย วางเป็นกลางๆดีกว่า..ว่ามั้ย  ;)

อินชาอัลลอฮ์

บททดสอบ



....เมื่อคืนพิจารณาดู เห็นชีวิตชัดเลยว่า เจอคนที่ใช่ผิดที่ผิดเวลามันเป็นยังงัย และคนที่เป็นแบบทดสอบมาถูกที่ถูกเวลามันเป็นยังงัย หากคนที่ถูกใจ ใช่หมดทุกอย่างใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันจะใช่บททดสอบมั้ย มันจะมีอะไรให้เราอดทนเพื่ออัลลอฮ์ได้บ้าง มีอะไรที่จะทำให้เรารักเค้าเพื่ออัลลอฮ์ได้บ้าง อาจมีแต่ไม่มาก เพราะ เรารักที่ตัวเค้าไปแล้ว แต่ความรักแบบนี้อาจเป็นรางวัลหลังจากผ่านทดสอบก็ได้ ใครจะไปรู้ อาจเกิดขึ้นเต็มอิ่มหัวใจกับคนของเราเอง หรือผ่านบททดสอบแล้วก็ได้พบใครคนใหม่ที่เป็นรางวัลนะ ไม่ใช่ของขวัญแล้วคราวนี้ มาให้เราได้อบอุ่นหัวใจอย่างแท้จริง อัลลอฮ์พระองค์ไม่เคยบิดพริ้วสัญญาที่พระองค์สัญญาไว้แล้วว่าจะให้ เท่าที่หัวใจเราพร้อม เราต้องทำหัวใจของเราให้พร้อม และเมื่อได้ผู้เป็นรางวัล เราจะมีหัวใจที่ชื่นใจและขอบคุณต่ออัลลอฮ์ และรักเค้าเพิ่มพูนมากมายให้สมกับเป็นรางวลของอัลลอฮ์รึป่าว หรือจะหลงมัวเมารักแค่ตัวเค้า และหวงลืมอัลลอฮ์อีกแล้ว อัลลอฮ์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจทุกอณูแห่งความคิดของเรา การฝึกตนเป็นสิ่งสำคัญ การฝึกภาพสามมิติก็สำคัญ เพราะมันจะทำให้เรารับรู้ได้ว่า หากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ เราจะรับมือกับมันยังงัย และจะวางใจยังงัย อินชาอัลลอฮ์ 

....ก่อนหน้านี้ เราเองก็หลงทางมานานจนเริ่มจะจับจุดได้ และเริ่มวางใจ มันสบายใจขึ้นนะ ใจมันอยู่เหนือสภาวะอย่างที่เคยได้ยินมาได้จริงๆ ทุกอย่างที่เคยผ่านเข้าหู ได้ร่ำเรียนมาเป็นความรู้ มันได้ใช้หมดแหละ ไม่มีอะไรได้ทิ้งหรอก เพราะทุกอย่างคือ คลังปัญญาของอัลลอฮ์ที่แต่ละคนจะได้ และได้ไม่เท่ากันซะด้วย

อะไรที่เราได้มา เราจะได้ใช้ แต่ไม่ต้องหนีที่จะไม่เรียนนะ เพราะจริงๆแล้ว เพราะเราต้องได้เผชิญต่างหาก อัลลอฮ์ถึงให้ได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวเพื่อที่จะสอบผ่าน พระองค์ไม่ให้เราเรียนไปเรื่อยหรอก ชีวิตมนุษย์สั้นมาก และความรู้ก็มีมากมายจนใช้เวลาเพียงหนึ่งชีวิตเรียนหมดไม่ได้ ถึงต้องเรียนเท่าที่หนึ่งชีวิตจะสามารถรับรู้ได้ในหนึ่งรูปแบบเท่านั้นเอง มาชาอัลลอฮ์ ลองมองพระมหาศาลดูสิว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนที่ให้รูปแบบชีวิตมนุษย์ไม่ซ้ำกันเลยมาตั้งแต่มนุษย์คนแรก จนถึงมนุษย์คนสุดท้าย 

....อยากรู้เหมือนกันเนาะ ว่ามนุษย์คนสุดท้ายที่เกิดมาจะเป็นใคร และเค้าจะมีสภาพเป็นยังงัยก่อนที่โลกจะเข้าสู่ภาวะการดับสูญ แต่ก็คงเป็นที่น่าสงสารน่าดู เพราะต้องเกิดมาในยุคที่โหดร้ายที่สุด อัลฮัมดุลิลลาที่เราจะไม่ได้เกิดมาในยุคนั้น เพราะเมื่อเราตาย เราก็จะอยู่ในอาลัมบัรซัคจนถึงกิยามะฮ์ ไม่ต้องวุ่นวายกับโลกอีกต่อไป พักผ่อนในสถานที่อันเป็นที่พักผ่อนก่อนเดินทางกลับคืนสู่บ้าน..สวรรค์อันสถาพรชั่วนิจนิรันดร์

....บททดสอบที่เป็นการลงโทษเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และบททดสอบกับของขวัญเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งฮะลาลกับหะรอม ว่าความหลงผิดไปในบททดสอบและบทลงโทษ กับผลของมันนั้นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บททดสอบที่มาพร้อมกับบทลงโทษ จะมาในเวลาที่เราหมกตัวเองลงสู่สิ่งอันเป็นฮะรอมอย่างไม่ลืมหูลืมตา การหลงผิดไปบนหนทางที่ไม่เที่ยงตรง แบบทดสอบแบบเดียวกัน แต่ไม่มีความปราณีหลงเหลืออยู่เลย ถึงมีก็น้อยมาก ไม่มีตัวช่วย ไม่มีการผ่อนผันนอกจากต้องให้เข็ดชนิดแทบอกแตกตาย หากแต่เมื่อบททดสอบเดียวกันอยู่ในหนทางที่เที่ยงตรงและมีหัวใจที่ได้รับทางนำ อยู่ในฮะลาลของอัลลอฮ์ เราจะมีตัวช่วยมากมาย แถมยังขอความคุ้มครองได้ตลอดเวลา เมื่อขออภัยก็ได้รับบททดสอบที่ง่ายดายขึ้น และผ่านมันได้อย่างสะดวกขึ้น อินชาอัลลอฮ์ เมื่อหัวใจหลงทางก็ขอทางนำก็ได้รับทางนำที่เที่ยงตรง เมื่อทุกข์ก็ขอให้หัวใจสงบสุข แค่ขออภัยและมีคำตอบเดียวคือ อัลลอฮ์ แบบทดสอบก็ไม่มีอะไรนอกจากการวัดระดับอีหม่าน ว่าคำตอบจะมุ่งเพียงอัลลอฮ์หรือไม่เท่านั้น อัลลาคารีม และเมื่อแบบทดสอบผ่าน เราก็จะได้รับ ชีวิตที่เป็นรางวัล

หากเมื่อถึงเวลารับรางวัล ชีวิตจะมีสุขใจอย่างมากมาย ถึงตอนนั้นบททดสอบมีเพียงอย่างเดียว คือหัวใจอบอุ่นอยู่ในความรักของอัลลอฮ์หรือไม่ และหัวใจอัลฮัมดุลิลลา ต่อพระองค์สม่ำเสมอหรือไม่เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ หัวใจอยู่ที่พระองค์หรือไม่ นี่คือบททดสอบของมนุษย์ อินชาอัลลอฮ์

....อัลลอฮ์ทรงเมตตาให้เราได้รับรู้ว่า ชีวิตเราควรอยู่เพื่อใคร คนแรกคือตัวเอง และคนที่สำคัญคือของขวัญของอัลลอฮ์ และพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด คนแรกที่เราต้องให้ความสำคัญคือตัวเอง เพราะขาดความบริสุทธิ์ในความดีของตัวเอง จะหวังพึ่งพิงคนรอบข้างได้ยังงัย คนที่เราพึ่งได้มากที่สุดคือตัวเอง และผู้ที่คุ้มครองให้เราและเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด คืออัลลอฮ์ เพราะฉะนั้นการมีชีวิตบนโลกมนุษย์มันคือการโยงใยเฉพาะระหว่างเรากับอัลลอฮ์โดยตรง และเมื่อเราดีแล้ว เรานี่แหละจะเป็นที่พึ่งพิงที่ดีที่สุดให้แก่ตนเองและคนรอบข้างได้อย่างสง่างาม 

อินชาอัลลอฮ์